สวัสดี บุคคลทั่วไป

ประวัติศาสตร์สังคม Rock and Roll ต้อง "Jim Marshall"

  • 0 ตอบ
  • 208 อ่าน
ประวัติศาสตร์สังคม Rock and Roll ต้อง "Jim Marshall"
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 13, 2019, 01:51:48 PM »
                ถ้าหากคุณเป็นผู้ที่เคลิ้มในเสียงดนตรี หรือเสียงดนตรี มั่นใจว่าคุณจะต้องรู้จักแบรนด์เครื่องเสียงแบรนด์นี้เป็นอย่างดีแน่นอน เนื่องจากเป็นยี่ห้อที่ได้รับความชื่นชอบขนานใหญ่ อย่างเช่น ลำโพง หูฟัง เครื่องกระจายเสียง และต่างๆ อีกนานาประการ โดยประวัติประวัติของแบรนด์นี้ จัดเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สังคมเพลงRock and Rollเลยก็ว่าได้ และยี่ห้อที่กำลังกล่าวขวัญอยู่นี้ก็คือ Marshall นั่นเอง ซึ่งเรื่องราวของ Marshall นั้น จักมีเรื่องราวเช่นใดบ้าง พร้อมด้วยทำไมถึงได้มาเป็นยี่ห้อระดับโลกปานนี้ อิฉันจะมาหาคำตอบกัน
                Marshall นั้น ได้ตั้งโดย Jim Marshall ซึ่งจุดเริ่มอยู่ที่การเป็นนักดนตรีผู้เชี่ยวชาญมาก่อน ซึ่งเล่นในตำแหน่งมือกลอง ตอนหลังก็ได้เปลี่ยนตัวเองมาทำธุรกิจร้านค้าขายเครื่องดนตรี และวัสดุอุปกรณ์หลายชนิด ซึ่งเริ่มจากการขายกลองชุดกับกีตาร์ในลอนดอนบริเวณ Hanwell โดยผู้ซื้อโดยมากจักเป็นนักดนตรีดนตรีRock and Roll ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้น อาทิเช่น ริตชี แบล็กมอร์ ไม่ก็เป็น พีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who นั่นอาจเป็นเหตุที่ทำให้มีลูกค้ามากขึ้น
                ภายหลังก็เริ่มมีนักดนตรีดังๆ หลายคนต้องการแอมป์ หรือว่าเครื่องขยายเสียงสำหรับกีตาร์ที่มีขนาดใหญ่ และเสียงดังกว่าเดิม เนื่องจากตัวปัญหาที่เจอส่วนใหญ่ค่อนข้างเป็นเรื่องความเสียงดังของเครื่องกระจายเสียงที่ไม่พอดีในการสำแดงโชว์สดนั่นเอง Marshall จึงได้ตัดสินใจลองทำออกมาวางขาย และดันประสบผลสำเร็จอย่างสูง กลายเป็นการเล่าปากต่อปาก กระทั่งคณะดนตรีหลายๆ วง ให้ความสนใจ Marshall จึงได้จัดการออกมาค้าขายอย่างเอาเป็นเอาตาย พร้อมด้วยได้จัดตั้งบริษัทที่ชื่อว่า มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน ขึ้นณปี ค.ศ. 1962 นั่นจึงเป็นจุดกำเนิดของแบรนด์ Marshall อย่างแท้จริง
                แอมป์กีตาร์รุ่นแรกที่เป็นเหตุให้นักดนตรีทั้งหลายนิยมชมชอบ รวมไปถึงยังพูดเป็นความเห็นเดียวกันว่าคือแอมป์กีตาร์ที่เสียงดีเลิศเท่าที่เคยมีมา (ในยุคนั้นนะ) ก็คือรุ่น JTM 45 และหลังจากนั้นมาในปี ค.ศ. 1965 Marshall ก็ได้พัฒนาสร้างแอมป์ขนาด 100 วัตต์ พร้อมด้วยตู้ลำโพงขนาด 4x12 นิ้ว อีกหลากหลายรุ่นตามออกมา จนได้รับความเชื่อใจจากมือกีตาร์สายบลูส์ แนวร็อก จากวงดังๆ ระดับตำนานตัวอย่างเช่น The Who, John Mayall and the Bluesbreaker, Led Zeppelin, Deep Purple รวมถึง AC/DC เป็นอาทิ
                และนั้นคือความยิ่งใหญ่ในช่วงเวลา 60 ของ Marshall อย่างย่อ ถึงกระนั้นครั้นเมื่อยุคสมัยได้ล่วงเลยเข้าสู่ยุคดิจิตอล แบรนด์ Marshall ที่เชี่ยวชาญในแวดวงเครื่องเสียงก็ได้ปรับปรุงและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาร่วมในการสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อทันยุค ทันสมัย พร้อมทั้งตรงตามความหวัง หรือตอบโจทย์ผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ภายใต้ชื่อ Marshall Headphone ที่เป็นสินค้ากลุ่มหูฟัง เพื่อให้ลูกค้า หรือว่าสามัญชนธรรมดาให้ได้รับประสบการณ์การฟังเสียงดนตรีในสไตล์ของ Marshall รวมถึงผลิตภัณฑ์ประเภทลำโพงที่สามารถต่อบลูทูธได้ ซึ่งนั่นเป็นเหตุให้ Marshall ได้รับความนิยมอย่างเหลือเฟือเหมือนกัน ด้วยสไตล์เสียงที่ไม่เหมือนใคร และการออกแบบที่ดูเป็นวินเทจ คลาสสิค ดูดี ซึ่งรุ่นหูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ที่น่าศึกษา อีกทั้งจักแนะนำนั่นก็คือ หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth พร้อมกับลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore โดยจักมีรายละเอียดปลีกย่อยดังนี้
 
หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth
                เป็นหูฟังไร้สายที่มีความคลาสสิกอยู่ในตัว การออกแบบสวยงาม เรียบร้อยมีสไตล์ ขนาดกระชับสามารถพับได้ ทำให้พกติดตัวไปไหนต่อไหนได้ง่าย มีการเชื่อมต่อโดยด่วนด้วย Bluetooth 4.0 แต่สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือต่างๆ ผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วยเช่นกัน  สามารถใช้งานได้เป็นเวลายาวนานถึง 30 ชั่วโมงด้วยแบต Li-ion Polymer (680mAh) อีกทั้งใช้เวลาชาร์จต่ำกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งผ่าน Micro USB ส่วนของเสียงก็ทำออกมาได้ดีสมกับเป็น Marshall เพราะว่าเบสแน่นๆ เสียงร้องกระจ่าง มีเสียงแหลมที่ไม่ขัดหู และเวทีเสียงที่สามารถจำแนกแยกแยะรายละเอียดปลีกย่อยของชิ้นส่วนดนตรีต่างๆ ได้อย่างดีเลิศ สมกับการเป็นสุดยอดประวัติศาสตร์ยี่ห้อเครื่องเสียง สายพันธุ์ร็อกโดยแท้จริง ซึ่งหูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่นนี้ สนนราคาจะอยู่ที่ไม่เกิน 5,990 บาท
 
ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore
                เป็นลำโพงบลูทูธที่มีขนาดค่อนข้างจะใหญ่ที่ได้ออกจัดจำหน่ายนานแล้วเหมือนกัน ทว่าเรื่องของคุณภาพนั้นมิได้ต่ำไปกว่าแต่แรกเลย เป็นลำโพง Bluetooth 4.0 ที่ให้สุรเสียงที่กระจ่างครบถ้วน ด้วยระบบชิป aptX ดีไซน์ด้วยไดร์ฟเวอร์ภายในทั้งหมด 3 ตัว รวมถึงยังมี INPUT 4 ช่องทาง คือ Bluetooth, Optical, INPUT1 หรือแจ็คขนาด 3.5 มม. พร้อมทั้ง INPUT2 หรือว่า RCA นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการปรับน้ำเสียงทุ้มแหลมได้พร้อมด้วย ให้เสียงเสมอเหมือนท่านกำลังฟังเสียงดนตรีจากการเล่นดนตรีสดเลยก็ว่าได้ ซึ่งลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore นี้จะมีราคาถูกที่ไม่มากเกิน 15,900 บาท หากว่าเทียบกับน้ำเสียงที่ได้ ถือได้ว่าคุ้มค่ามากๆ
                นั่นคือทั้งหมดที่ทางพวกเราได้นำฝากกันในวันนี้ ซึ่งจักเห็นได้ว่าตั้งแต่อดีตจวบจนถึงวันนี้นั้น ชาวเรายังคงเห็นแอมป์กีตาร์ยี่ห้อ Marshall เชื้อชาติอังกฤษนี้เกือบทุกเวทีเลย รวมไปถึงหูฟัง และลำโพงที่เยอะแยะมากหลายรุ่นที่ไม่ว่าระยะเวลาจะพ้นไปนานเพียงใด แต่ว่า Marshall ก็ยังคงไว้ความคลาสสิกตามสไตล์แบบ Marshall มิเคยเปลี่ยนแปลง

Tags : MARSHALL,marshall ราคา,หูฟัง marshall