สวัสดี บุคคลทั่วไป

ความหมายของแหวนแต่ละชนิด

  • 0 ตอบ
  • 315 อ่าน
ความหมายของแหวนแต่ละชนิด
« เมื่อ: มีนาคม 03, 2019, 04:17:07 AM »
แหวน คือ เครื่องเพชรพลอยที่ใส่บนนิ้วมือของเรา แสดงถึงความหมายรวมทั้งความภูมิฐานของผู้สวมใส่ มีทั้งที่ผลิตขึ้นจากทอง เงิน นากหรือหินจากธรรมชาติ ขึ้นอยู่กับความชอบพอของบุคคล รูปแบบสำหรับในการออกแบบมีความจำเป็นและสามารถสื่อความหมายออกมาได้ทั้งปวง ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของตัวเรือน หัวเรือนแล้วก็รูปแบบของวงที่เอามารวมกัน ซึ่งแต่ละแบบจะสื่อความหมายที่ส่วนตัว โดยเหตุนี้ถ้าอยากนำเครื่องประดับนิ้วมือให้กับใครสักคน การรู้ความหมายเพื่อสื่อความรู้สึกของเราไปสู่ผู้รับ ย่อมทำให้คุณค่าของสิ่งที่เรามอบให้มีมากขึ้น



แหวน เครื่องประดับเสริมความสวยงามที่ต้องมีติดนิ้วไว้


ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับความหมายของตัวเรือนรวมทั้งหัวเรือนในแต่ละแบบกัน 
1. แบบเม็ดยอดหรือเม็ดโดดเดี่ยว ( Solitaire ) เป็น แบบที่มีหัวเรือนเป็นเม็ดเดียว โดดเด่นสะดุดตาอยู่บนตัวบ้านเรียบ ไม่ว่าจะหัวเรือนจะเป็น เพชร พลอย หรือหินที่เป็นมงคล การออกแบบจะย้ำที่ส่วนยอดของหัวเรือนให้มีขนาดใหญ่ ซึ่งหัวเรือนจะเป็นแบบกลม แบบสี่เหลี่ยมหรือหลายเหลี่ยมก็ได้ แต่ว่าที่นิยมจะเป็นสี่เหลี่ยมและวงกลม อีกทั้งแบบที่มีเพียงเม็ดเดียวหรือมีเม็ดเล็กเล็กเรียงอยู่ด้านข้างก็ได้ นิยมใช้สำหรับในการงานมงคลสมรส งานหมั้น เนื่องจากว่าอย่างงี้เป็นการวางแบบที่สื่อถึงความรักเดียวใจเดียวดังหัวเรือนที่เด่นเพียงแค่เพียงอย่างเดียวในใจนั่นเอง

2. แบบรอบวง (Infinity Rings ) คือ แหวนแบบที่มีการติดเม็ดอยู่รอบวงกระทั่งเต็มไม่มีพื้นว่าง ซึ่งจะเป็นเม็ดพลอย เพชร หรือหินมงคลก็ได้ตามความชอบ ทุกเม็ดที่เอามาเรียงบนตัวเรือนจะมีลักษณะแบบเดียวกันหมด อีกทั้งขนาดและรูปร่าง แต่บางครั้งอาจจะสีสันที่แตกต่างกันไปบ้าง แต่ว่าไม่มีเม็ดใดเด่นหรือด้อยกว่ากัน จึงไม่สามารถระบุได้ว่าเม็ดใดเป็นเม็ดแรกหรือเม็ดท้ายที่สุดบนตัวเรือน นิยมใช้ในงานหมั่น ของขวัญครบรอบสมรส หรือในจังหวะสำคัญให้กับแฟน เพื่อสื่อความหมายถึงความรักที่มีอยู่วันเป็นรักที่ไม่มีวันหมด ราวกับแหวนที่ไม่มีจุดจบบนตัวบ้านนั่นเอง

3.แบบเกลี้ยง ( Classic Rings) คือ แบบที่ราบเรียบไม่มีการแต่งลวดลายบนตัวเรือน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคำสัญญาว่ารักมั่นคงตลอดไป ปต่ในปัจจุบันอาจมีการแต่งลวดลายเป็นเส้นหรือการเล่นสีของวัสดุที่ประยุกต์ใช้สำหรับในการผลิต เพื่อสร้างความสะดุดตาและความสวยงามให้กับตัวเรือน ได้แก่ การใช้ทองคำขาวสลับกับทองคำ หรือเซาะร่องเพื่อให้เกิดลายเส้น เป็นต้น แต่ว่าก็ยังนับว่าเป็นแบบหมดจดอย่างเช่นเดิม นิยมใช้สวมในพิธีสมรสตามศาสนาคริสต์ ที่เจ้าบ่าวเจ้าสาวจะสวมให้แก่กันและกัน เพื่อแทนความหมายของคำสาบานว่าพวกเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปนั่นเอง

4. แบบเพชรสามเม็ดเรียง (3 Stones Rings) เป็น แหวนแบบที่ตัวบ้านมีหัวเรือนสามหัวเรียงกัน ซึ่งขนาดของหัวเรือนจะมีขนาดที่เสมอกันหรือไม่ก็ได้ แต่ว่าแบบที่นิยมเป็น หัวเรือนกึ่งกลางจะมีขนาดใหญ่สุด หัวเรือนด้านขวารวมทั้งซ้ายมีขนาดเล็กลงวางอยู่ด้านข้างหัวเรือนกึ่งกลาง ซึ่งการจัดเรียงกันของหัวเรือนอีกทั้งสามนี้ จะสื่อถึงอดีตกาล ปัจจุบันและก็อนาคตที่คนสองคนมีร่วมกันกัน หรือแทนคำสาบานว่า ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันหรืออนาคต พวกเราก็จะอยู่ด้วยกันนั่นเอง

5. แบบสามวง (Trinity Rings) คือ แบบที่มีตัวเรือนสามห่วงรวมอยู่ในวงเดียวกัน ซึ่งหมดทั้งตัวเรือนทั้งสามห่วงจะเป็นผู้แทนของพระพ่อ พระบุตร และ พระวิญญาณบริสุทธิ์ ตามความเคารพของคริสเตียน ซึ่งตัวบ้านทั้งสามห่วงจะไม่อาจจะแยกออกจากกันได้ ก็เลยสื่อความหมายถึงความรัก ความพร้อมเพรียง ความปรองดองของผู้เสียสละและผู้ส่วมใส่นั่นเอง

6. แบบค็อกเทล (Cocktail Rings) เป็น แบบที่มีการใส่จินตนาการและสีสันลงไป มีรูปแบบที่ไม่ยึดติดแบบใดเป็นหลัก ทั้งหัวรวมทั้งตัวบ้านสามารถปรับเปลี่ยนหรือเปลี่ยนแปลงได้ตามความชอบของผู้สวม ก็เลยแสดงถึงอิสระรวมทั้งความอิสระนั่นเอง ซึ่งนิยมใส่เป็นเครื่องเพชรพลอยทั่วไป หรือทำเป็นชุดคู่กับสร้อย ข้อมือ ต่างหูก็ได้

ตรงนี้เมื่อรู้ความหมายของแหวนแต่ละแบบแล้ว การเลือกแหวนเพื่อสื่อความในใจหรือแทนความรู้สึกที่พวกเรามีให้กับผู้รับอาจเป็นเรื่องที่ไม่ได้ยากเย็น แหวนเป็นตัวแทนความหมาย ความรู้สึกที่ดีสำหรับมอบให้ผู้ที่คุณรักในทุกช่องทาง