สวัสดี บุคคลทั่วไป

การเลือกซื้อไม้แบดมินตันจำเป็นที่จะต้องเช็คเรื่องใดบ้าง

  • 0 ตอบ
  • 306 อ่าน
กีฬาแบดมินตันเป็นอีกหนึ่งชนิดกีฬาที่หลายท่านนิยมกันค่ะอ เนื่องจากว่าด้วยความที่เล่นง่ายไม่ซับซ้อนมีความสนุกสนาน ที่สำคัญออกแรงแล้วได้เหงื่อสุดๆเลยล่ะจ้ะ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นที่คอร์ดก็ดี การเล่นที่สวนสาธารณะก็ไม่เลวและก็ที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือเป็นกีฬาที่เราสามารถผูกไมตรีใหม่ๆสำหรับเพื่อการเล่นกีฬาได้อีกด้วย ซึ่งสำหรับในการเล่นกีฬาแบดมินตันนี้มีอีกหนึ่งวัสดุอุปกรณ์ที่พวกเราจะใช้สำหรับเพื่อการเล่น เป็นวัสดุอุปกรณ์ที่มีความจำเป็นซึ่งก็คือไม้แบตนั้นเองค่ะ เพราะฉะนั้นวิธีการสำหรับเลือกซื้อไม้แบดมินตันสำหรับเพื่อการตีแบตไม่ใช่ว่าสักแต่เลือกซื้อไปอันไหนก็ได้ราคาถูกไว้ก่อน แต่ว่าพวกเราจึงควรมีวิธีการการเลือกไม้แบตให้ได้คุณภาพเพื่ออรรถรสสำหรับเพื่อการออกกำลังกายของพวกเรานั่นเองจ้ะ เพราะฉะนั้นวันนี้พวกเรามาดูกันค่ะว่าเราจะเลือกซื้อไม้แบดให้ได้ ประสิทธิภาพจำต้องดูอะไรบ้าง


วิธีการง่ายๆเลือกไม้แบดมินตันด้วยตัวคุณเอง


ลำดับแรกที่จำเป็นต้องดูเลยก็คือรูปเฟรมของไม้จ้ะ หรือที่หลายคนเรียกกันว่า Flame Shape ไม้แบตที่ดีควรมีรูปเฟรมไม้แบบ isometric แบบสมมาตร ตัวไม้รูปสี่เหลี่ยมบริเวณจุดกระทบลูกกว้างกว่าเฟรมไม้รูปไข่จึงจะสามารถสร้างสมดุล หอยกาบ เอ็นทั้งแนวตั้งแล้วก็แนวนอนเพื่อความแม่นยำสำหรับในการผลักลูกเมื่อตกกระทบกับหน้าไม้นั่นเองจ้ะ
ถัดมาคือระดับความแข็งแรงของก้านไม้ ซึ่งจะมีทั้งหมด 3 ระดับด้วยกันก็คือ
        - การยืดหยุ่นระดับ Soft หรือ Super Flex ไม้จำพวกนี้จะยืดหยุ่นได้ดี เหมาะสำหรับที่จะเป็นไม้รับหรือวางรูป ก้านไม้มีแรงดีดลูกจากหน้าไม้}ได้เร็วและแรงยังช่วยเสริมให้ดีดส่งลูกไปท้ายคอร์ดได้อีกด้วย ที่สำคัญยังเหมาะสมกับการรับลูกตบเป็นการตอบโต้แบบฉับไว โดยเฉพาะลูกดาดนั่นเองค่ะ

        - การยืดหยุ่นระดับ medium หรือ regular การยืดหยุ่นแบบนี้จะมีความแข็งในระดับปานกลางธรรมดา จึงจะเหมาะอย่างยิ่งกับการที่จะใช้เป็นไม้รุกแล้วก็รับในตัวจ้ะ นอกจากนี้ยังช่วยเสริมให้การตีลูกจากหน้าไม้ได้ดีมากอีกด้วย รวมถึงการเล่นแบบวาดหน้าไม้ก็ทำได้คล่องทั้งรุกและก็รับ ซึ่งเหมาะสมกับการตีแบด ทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็นการเล่นเดี่ยวหรือเล่นคู่จ้ะ

        - การยืดหยุ่นระดับ Stiff หรือ extra stiff ประเภทนี้จะเป็นก้านที่มีความแข็งกว่าทุกแบบค่ะ จึงเหมาะสมที่จะเป็นไม้รุกช่วยให้การส่งพลังจากแรงข้อมือไปถึงลูกที่ตกกระทบมายังหน้าไม้ได้อย่างแรงคุณภาพ สำหรับการเล่นแบบรุกจึงค่อนข้างดีมากกว่าไม้ทั้ง 2 แบบก่อนหน้า ที่สำคัญน้ำหนักและก็ทิศทาง}ในการเล่นจะสามารถควบคุมได้ดี เมื่อใช้ไม้ชนิดนี้ ยกตัวอย่างเช่น เล่นลูกตบลูกหยอดหน้าตาข่าย ลูกครึ่งตบเหมาะกับการเล่นในเกมรุกเป็นหลักด้วยเหตุนั้นการตีแบดมินตันเพื่อการทำคะแนนกับคู่ต่อสู้และเพื่อการเอาชนะแล้วล่ะก็ต้องเลือกไม้จำพวกนี้กันเลยล่ะค่ะ แต่ก็ใช่ว่าในเกมรับจะทำได้ไม่ดีนะคะ แต่ตรงกันข้ามยังสามารถเล่นเกมรับได้ดีมากๆอีกด้วย


จุดศูนย์ถ่วงของไม้เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่เราจึงควรเลือกให้ดีจ้ะ ซึ่งช่วงนี้ก็จะวัดจากปลายที่จับ ไปจนถึงหน้าไม้ คุณสมบัติของจุดศูนย์ถ่วงก็คือจะเป็นตัวแสดงแล้วก็ชี้วัดคุณลักษณะของไม้นั้นๆว่าเหมาะสำหรับวิธีการเล่นแบบคู่หรือเล่นแบบคนเดียว เล่นเกมรุกหรือเล่นเกมรับ ซึ่งโดยมากไม้แบตจะเขียนจุดศูนย์ถ่วงไว้ที่ก้านไม้ด้วยแล้วล่ะจ้ะ แน่ๆว่าไม้แต่ละแบบที่มีจุดศูนย์ถ่วงต่างกันก็เป็นผลมาจากน้ำหนักของไม้ที่แตกต่างกันด้วย ดังนั้นไม้แต่ละแบบก็เลยมีแรงส่งลูกมากน้อยไม่เหมือนกัน ไปดูกันจ้ะว่าไม้ที่มีศูนย์ถ่วงระยะต่างๆเหมาะสมกับการเล่นตีแบต แบบไหน

        - ไม้หัวเบา เหมาะสำหรับเล่นเกมรับและจะมีจุดศูนย์ถ่วงที่ระยะ 270 ถึง 280 mm

        - ไม้หัวหนักก้านกลาง เป็นไม้ที่เหมาะสมกับการเล่นทั้งเกมรุกและเกมรับ มีจุดศูนย์ถ่วงระยะ275 ถึง 285 mm

        - ไม้หัวหนัก เป็นไม้แบบที่เหมาะกับการเล่นเกมรุกจะมีจุดศูนย์ถ่วงที่ระยะ 285 ถึง 295 mm

        - ไม้เบา เป็นไม้ที่ใช้ตีสวิงลูกได้อย่างเร็วและสามารถควบคุมหน้าไม้ได้กระฉับกระเฉงแล้วก็ง่ายกว่าไม้แบบอื่นๆเหมาะกับการเล่นหน้าตาข่าย เล่นทางวางลูกเล็งลูกได้อย่างคล่องแคล่ว เน้นเกมรับมากยิ่งกว่าเกมรุกค่ะ

        - ไม้หนัก เป็นไม้ที่ใช้สำหรับเพื่อการตีสวิงลูกได้แรงกว่าไม้จำพวกอื่นๆ เนื่องจากว่ามีน้ำหนักที่หัวไม้มากกว่าเหมาะสำหรับการตีแบดมินตันที่ต้องเล่นลูกตบที่หนักหน่วง รวมทั้งต้องใช้น้ำหนักและทิศทางที่แน่นอน โดยเหตุนั้นถ้าปรารถนาคุณสมบัติของไม้ที่สามารถตีวงสวิงลูกได้อย่างดีเยี่ยม และก็เป็นไม้รุกไปในตัวควรจะพินิจที่ก้านไม้ควรเป็นก้านไม้แบบแข็ง และมีจุดศูนย์ถ่วงเป็นไม้หัวหนักนั่นเองจ้ะ