สวัสดี บุคคลทั่วไป

เลือกเครื่องปรับอากาศเช่นใด ให้เซฟเงินในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 351 อ่าน
พอสภาพอากาศมันอบอ้าว มันก็เลยต้องหาวิธีเพื่อที่จะหายอบอ้าวกันซะหน่อย ใครถนัดกิน ก็หาของกินทานคลายร้อนกันไป อย่างไรก็ตามหากใครอยากให้อากาศภายในบ้านไม่อบอ้าวดั่งนรก ก็ต้องพึ่งพา "แอร์" หรือเรียกว่า "เครื่องปรับอากาศ" แล้วละ หากใช้งานแอร์ บางท่านก็คงจะต้องเป็นกังวลในเรื่องของค่าใช้จ่ายค่าไฟที่มันจะตามมาต่อจากนั้น แต่เราจะมีเกณฑ์การเลือกอย่างใด ให้ได้ทั้งของดี แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อันดับแรกเราจะน่าจะต้องคำนึงถึงแบบของเครื่องปรับอากาศจำเป็นต้องให้เหมาะกับที่ตั้งและการทำงาน ซึ่งสมัยนี้นั้นมีหลายหลากรูปแบบให้เลือกหา เพราะว่าแต่ละประเภทก็มีคุณลักษณะแตกต่างกันออกไป หากสมมติว่าซื้อผิดนั้น ก็คงสามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโทษต่อแอร์ และยังส่งผลให้เปลืองพลังงานไปอีก จริงๆ แล้ว แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแบ่งออกเป็นหลากหลายประเภท ตัวอย่างเช่น เครื่องปรับอากาศติดผนัง, แอร์ตั้งพื้น, เครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน รวมทั้ง แอร์เคลื่อนที่ ซึ่งแต่ละประเภท มีรูปลักษณ์แบบใดบ้าง ไปดูกันเลย
อย่างแรกคือเครื่องปรับอากาศติดผนัง ซึ่งแอร์ชนิดนี้ เป็นที่นิยมกันอยู่แล้ว หรือต้องคุ้นเคยกันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ เพราะว่าใช้งานที่หลากหลาย ประกอบด้วยรูปแบบการดีไซน์ที่ร่วมสมัย พร้อมด้วยก็มีขนาดพอดี แล้วยังยังทำให้ประหยัดพลังงาน รวมทั้งสามารถรักษาสะดวก เพราะว่าเครื่องปรับอากาศแบบนี้ เหมาะสำหรับห้องขนาดย่อมๆ รวมถึงบ้านเรือน หรือว่าคอนโดธรรมดา อาจจะตอบโจทย์ต่อความมุ่งหมายในการทำงานได้อย่างหลายรูปแบบ
ต่อมาคือเครื่องปรับอากาศตั้งพื้น ซึ่งเครื่องปรับอากาศประเภทนี้คือประเภทที่มีการกระจายความเย็นฉ่ำได้มาก สามารถสร้างความเย็นได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งทนต่อการทำงาน รวมไปถึงทนทานต่อมลพิษอีกด้วย โดยรูปร่างของเครื่องปรับอากาศจะเป็นแบบติดตั้งกับพื้น เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่กว้าง โรงงาน และมีประชากรหนาแน่น  ซึ่งแอร์ชนิดนี้จะทำงานใช้เสียงดัง เลยส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าแอร์ชนิดอื่นๆ
ประเภทต่อไปคือชนิดแอร์ฝังฝ้าเพดาน โดยที่ลักษณะนี้จะเป็นเครื่องปรับอากาศ 4 ทาง ตัวเครื่องแอร์ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำทิ้ง สามารถติดตั้งภายในฝ้าเพดาน ทำให้สามารถรักษาทรงความดูดีของห้องได้อย่างเดิม ลดขีดจำกัดในการติดตั้ง โดยที่เหมาะสมสำหรับห้องที่จำเป็นในเรื่องความสวยงาม ช่วยให้ภายในบ้านสวยงามตามเดิม  แต่แอร์ลักษณะนี้มักจะมูลค่ามักจะสูงกว่าเครื่องปรับอากาศอย่างอื่นๆ
และอย่างสุดท้ายคือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่เครื่องปรับอากาศชนิดนี้จะไม่ค่อยซับซ้อนคล้ายกับชนิดที่แล้ว เพราะว่าเพียงแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยแอร์แบบนี้ใช้งานได้แบบเดียวกันกับแอร์ที่อยู่อาศัยธรรมดา แต่ว่าไม่เหมือนใครก็ตรงที่สามารถขนย้ายได้ รวมทั้งก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งกับบ้านด้วย เหมาะกับคนที่อาศัยหอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม รักษาก็ง่ายมาก เหมือนแอร์ทั่วไปเลย
กลับมาที่หลักเกณฑ์การเลือกซื้อกันต่อ ถัดจากนั้นก็จำเป็นต้องซื้อขนาดเครื่องปรับอากาศให้เหมาะสมพื้นที่ห้อง เพื่อที่เมื่อรู้สัดส่วนห้องแล้วนั้น ทำให้สะดวกกับการเลือกขนาดของแอร์และการคาดคะเนค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะเหมาะสมกับการทำงานและช่วย
ประหยัดไฟฟ้า โดยหลายคนคงยังไม่เข้าใจว่า BTU หมายถึงอะไร โดยมันก็คือ ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ฉะนั้นการเลือกซื้อ BTU ย่อมมีความสำคัญ เนื่องจากจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังกับอายุการใช้งานของแอร์นั่นเอง ซึ่งหากซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินไป ก็ทำให้ทำงานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ความสามารถภายในลดลง รวมถึงยังส่งผลให้มีความชื้นข้างในห้องมาก ส่งผลให้ผู้อาศัยไม่สบาย หรือไม่สบายได้ อีกทั้งยังส่งผลให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือหากเลือกซื้อแอร์ที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะส่งผลต่อคอมแอร์ทำงานทุกเมื่อรวมถึงมากจนเกินไป  ก็เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงกับที่ปรับหรือกำหนดไว้  ก็จะมีผลให้ทำให้เครื่องปรับอากาศพังได้ง่ายๆ แล้วยังเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย
                ถัดมาก็เป็นหลักไม่ยาก เลยที่ไม่ว่าใคร ก็ต้องทำให้ตัดสินใจเลือกซื้อแน่นอน ก็คือ การซื้อแอร์ที่ได้รับสลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะว่านั่นคือ คุณภาพในการใช้พลังงานที่คุ้มที่สุด เลยจะทำให้ประหยัดพลังงานและประหยัดรายจ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา