สวัสดี บุคคลทั่วไป

Fujifilm บริษัทใหญ่ที่ไม่เคยล้ม

  • 0 ตอบ
  • 386 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
Fujifilm บริษัทใหญ่ที่ไม่เคยล้ม
« เมื่อ: มิถุนายน 28, 2018, 10:11:41 AM »
                ในเหล่ากล้องถ่ายภาพดิจิตอลกับกล้องมิลเลอร์เลสที่กำลังฮิตในบ้านเรากับกระแสในทั่วโลกนั้น หากไม่พูดถึงตรา ฟูจิ ก็อาจจะเปรียบเสมือนพร่องอะไรไปบางอย่าง ในสมัยปัจจุบันกล้องฟูจิ ราคาหลายหลากที่มีให้เลือกซื้อหานั้น  ได้เข้านั่งอยู่ในใจของผู้ที่รักการถ่ายภาพอย่างกว้างขวาง จัดว่าเป็นแบรนด์ที่สำเร็จในสมัยนี้ มียอดขายในแต่ละปีโด่งที่สุดในประเทศไทยกับทั้งลำดับต้นๆในเอเชียรวมไปถึงทั่วโลกในประเภทกล้องถ่ายภาพมิลเลอร์เลสนั้น กว่าจะตัดผ่านมากระทั่งถึงจุดนี้ได้ เรียกได้ว่าฝ่าเกลียวคลื่นมรสุมทางเศรษฐกิจพร้อมด้วยกระแสนวัตกรรมที่หน่วยงานเก่าแก่อย่าง Fujifilm ต้องมานะบากบั่นตะกุยตะกายอีกทั้งวิ่งให้ทันโลกอยู่เสมอ ซึ่งก็เหลือเชื่อว่า Fujifilm ก็ทำมันได้อย่างน่าแปลกเลยทีเดียว
                ฟูจิ โฟโต้ ฟิล์ม ริเริ่มตั้งขึ้นเมื่อปี 1934 ตามหลักการของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นในเวลานั้นที่มุ่งจะมีบริษัทฟิล์มถ่ายภาพเป็นของตนเอง พร้อมด้วยมีการเติบใหญ่มาอย่างไม่ขาดสายตามลำดับ จนปี 1965 จึงได้เข้าทำสาขาย่อยที่อเมริกาและทั่วโลก อีกทั้งในปี 1995 ฟูจิก็ตัดสินใจย่างก้าวเข้ามาบุกตลาดงัดข้อกับเจ้าตลาดในสหรัฐอเมริกากับในตลาดโลกอย่าง โกดัก ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 90% ฟูจิกลับใช้แผนการเปลี่ยนมาช่วงชิงส่วนแบ่งตลาดจากโกดักได้ยิ่งกว่า ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นเป็น 33% ในปี 1995 กับทั้งมากขึ้นอีกเป็น 60% ในปี 1996 ซึ่งในเวลานั้นทั้งกล้องฟูจิฟิล์ม และโกดักต่างแข่งขันกันที่จะเป็นเจ้าตลาดฟิล์มถ่ายรูป แต่หารู้ไม่ว่ามีลูกคลื่นนวัตกรรมลูกใหม่ที่กำลังถาโถมเตรียมที่จะเข้ามาแทนที่อยู่เสมอ
                ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ช่วงวิกฤตของธุรกิจการค้ากล้องฟิล์มคือเวลาปี 2000 ต้นๆ ในขณะที่บริษัท SONY กับ HP เปิดตัวกล้องดิจิตอลขึ้นมาเป็นทีแรกอีกทั้งสามารถร้องเรียกความสนใจจากคนรักการบันทึกภาพไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียวในตอนนั้น เป็นพิเศษการเข้ามาของ smart phone และ social media อีกทั้งการบันทึกภาพดิจิทัลนั้น ย่อมเยากว่า สะดวกกว่า และเร็วกว่ามาก จึงทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคแปรไป  หน่วยงานอีสต์แมนโกดักขณะนั้นมัวแต่คิดว่าการใช้ฟิล์มจะคงทนได้อีกช่วงหนึ่ง ได้แก่มิตกลงฮวบฮาบอย่างแน่นอน ดังนี้โกดักจึ่งยังคิดว่าจะเก็บความนิยมกล้องถ่ายภาพฟิล์มไปอีกสักระยะนึง แต่ฟูจิคิดว่าตอนท้ายแล้ว ดิจิตอลต้องมากัดกินเนื้อธุรกิจการค้าฟิล์มถ่ายภาพอย่างแน่นอนอีกทั้งรวดเร็วด้วย CEO ของบริษัทก็ได้ตัดสินใจที่จะนำบริษัทเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล
จริงๆ แล้วแล้วกล้องถ่ายภาพดิจิตอลที่กำเนิดขึ้นมาได้บนโลกโมเดลแรกๆนั้นก็เป็นของบริษัทโกดักนั่นแหละ ที่อุตส่าห์ผลิตเนรมิตขึ้นมาได้แต่ผู้บริหารไม่ดำเนินต่ออย่างเอาจริง กลับเห็นเป็นเพียงสิ่งที่จะมาทำลายธุรกิจหลักคือฟิล์มถ่ายภาพ ผิดแผกจากผู้บริหารของ ฟิจิฟิล์ม ที่แม้จะไม่ได้เริ่มต้น แม้กระนั้นก็ไม่เคยตกเทรนด์ ได้พัฒนากล้องดิจิตอลออกวางจำหน่ายอย่างจริงจัง ระดับผู้บริหารฟูจิมีความคิดเห็นที่ต่างจากผู้บริหารโกดัก ที่ตระเตรียมก้าวย่างสมัยใหม่อย่างค่อยๆ เป็น ค่อยๆ ไป อีกทั้งเคยได้ใช้เทคโนโลยีที่ตนเองมีและเคล็ดต่างๆ ที่ใช้ปกป้องรักษาสภาพสีบนแผ่นฟิล์ม มาประยุกต์ใช้กับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางแทน โดยเฉพาะเทคโนโลยี collagen ที่ช่วยคงทนสภาพความชุ่มชื้น และความอ่อนเยาว์ของผิวได้ ออกยี่ห้อเครื่องสำอางภายใต้ชื่อ Astalift ในปี 2007 กับทั้งวางขายในตลาดจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น รวมไปถึงประเทศในยุโรป ซึ่งปัจจุบันได้กำไรให้บริษัทกว่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ไม่ใช่เพียงแค่นั้น Fujifilm ยังนำนวัตกรรม Digital Camera Tech ประยุกต์ใช้กับเครื่องอุปกรณ์ทางการแพทย์ สำหรับการเก็บภาพเพื่อวินิจฉัยโรค พร้อมทั้งพัฒนาการผลิตยารักษาโรคมะเร็ง พร้อมกับโรคความจำเสื่อม ลดงบการพัฒนาด้าน Film & Analog ลงให้มากที่สุด
การอยู่รอดของ Fujifilm ในสมัยปัจจุบันที่ยังคงมีกล้องฟูจิ ราคาหลากหลายให้ได้เลือกซื้อของกันอยู่นั้น กุญแจสำคัญคือการมองการณ์ไกลและการรับรู้การเปลี่ยนทิศทางของกระแสลมเทคโนโลยีของประธาน Shigetaka Komori, CEO of Fujifim ซึ่งมีเซนส์ของความระมัดระวังภัยมากกว่าบริษัทอื่นใด เหตุเพราะเห็นเทรนด์ดิจิตอลพร้อมๆ กันกับยี่ห้ออื่นแต่เชื่อว่าวงการฟิล์มจะสูญพันธุ์โดยเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเพราะฟิล์มถ่ายรูปเป็นกิจการหลัก ถ้าไม่สามารถปรับตัวได้อย่างทันทีทันใดและสร้างธุรกิจใหม่ทันท่วงที เคราะห์กรรมก็คงไม่พ้นจากความสิ้นเนื้อประดาตัว และการปรับปรุงสภาวะจากการเห็นภัยอันตรายจากเทคโนโลยีที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดแล้วไม่หยุดนิ่งเปลี่ยนวิสัยทัศน์และกลยุทธ์หน่วยงานให้เข้ากับภาวะสมัยปัจจุบันขณะนั้นๆให้มากที่สุด สาธิตให้เราเห็นว่าเราไม่ควรที่จะหยุดนิ่งกับที่ไม่เช่นนั้นเราก็จะไม่เห็นความเป็นไปได้ที่จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นในอนาคตนั่นเอง

Tags : กล้องฟูจิ,กล้องฟูจิ ราคา,Fujifilm