สวัสดี บุคคลทั่วไป

ไอโฟน 8 และ iPhone 8Plus อีกหนทางของความคุ้มค่า

  • 0 ตอบ
  • 318 อ่าน
แม้ว่าสมาร์ทโฟนตัวท็อปของค่าย Apple ในศักราช 2017 ที่ผ่านมาก็คือ iPhone X ซึ่งมาพร้อมทั้งออกแบบและคุณลักษณะแบบพรีเมี่ยมและแน่นอนว่ามูลค่าก็แพงเช่นเดียวกัน แต่ทว่าหลายคนคงจะลืมไปว่าในปีเดียวกัน ก่อนหน้านี้ iPhone X เริ่มแค่ 15 นาที iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็ออกมาแนะนำตัวให้สาวกค่าย Apple ได้รู้จักมักจี่กัน ซึ่งถัดจากนั้นคงเสมอเหมือนเป็นรุ่นที่ถูกหลงลืมเพราะกระแสของ iPhone X แต่รู้หรือไม่ว่า ไอโฟน 8 พร้อมด้วย iPhone 8 Plus แม้กระนั้นจะมีรูปร่างหน้าตาไม่แตกต่างไปจาก iPhone 7 และ iPhone 7Plus แต่ก็มีดีพอที่จะทำให้คนที่ไม่สามารถเป็นผู้ครอบครอง iPhone X ในหลาย ๆ เหตุผล หันมาเป็นเจ้าของได้ อีฉันจะนำพาทุกท่านไปทำความรู้จักมักจี่กับโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นนี้ให้ดียิ่งขึ้น
 
ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus เปิดขายครั้งแรกวันที่ 22 กันยายน 2017 ในอเมริกาและวางขายในเมืองไทยวันที่ 3 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน มีให้เลือกสองขนาด คือ iPhone 8 สัดส่วนหน้าจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 8 Plus ขนาด 5.5 นิ้ว โดยทั้งสองรุ่น มีสัดส่วนตัวเครื่องทัดเทียมกับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เลย สามารถใช้เคสเดิมมาสวมกันได้สีที่ไม่ให้เลือกก็คือ เทา สเปซเกรย์, สีเงิน และสีทอง โดยเป็นการทำสีเฉดใหม่มีสมรรถภาพในการกันน้ำ กันฝุ่น เช่นเดียวกัน ถึงกระนั้นมีข้อแตกต่างตรงที่ ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus มีด้านหลังเป็นกระจก เป็นเหตุให้สามารถชาร์จแบบไร้สายได้
 
 ในด้านของขนาดนั้น Apple ก็มีมาให้เลือกสรรแค่เพียง 2 ขนาด ได้แก่ 64 GB และ 256 GB ซึ่งคงจะเป็นเพราะว่าเป็นการที่ Apple จะกระจายผลิตภัณฑ์ไปให้ผู้ใช้ได้อย่างทั่วถึงพร้อมกับเร็วเพิ่มมากขึ้น จึงทำการลดรุ่นให้น้อยลง

 
 แม้ความละเอียดหน้าจอยังคงเท่ากับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่ รุ่นนี้ เพิ่มการรองรับการแสดงผลแบบ True Tone ที่สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิสีหน้าจอให้ตรงกับสภาพแสงตอนนั้น ทำให้หน้าจอดูเป็นธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น
 
 ตัว CP ใช้ชิป A11 Bionic แบบ 6-Core แบ่งเป็น 4-Core ที่สมรรถนะสูง และอีก 2-Core ใช้เวลาที่เครื่องไม่ได้ทำงานหนักอึ้งอะไร ซึ่งใช้การได้อย่างลื่นไหล ที่น่าสนใจคือ รองรับ AR อย่างเต็มรูปแบบทั้งการทำงานในแอพพลิเคชั่นทั่วไปพร้อมกับเกม โดยชิป A11Bionic นี้เป็นชิปตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone X ด้วย

 ในการเล่นเกมก็สามารถเล่นเกมทุกเกมที่ออกมาตอนนี้ได้อย่างลื่นไหลในภาพกราฟิกชั้นชั้นเลิศ ยกตัวอย่างเกมรถแข่งอย่าง Need for Speed ที่จำเป็นต้องใช้การ์ดจอ (GPU) ค่อนข้างเยอะ หรือ ROV ก็เล่นได้ไม่ติดขัด

 กล้องถ่ายรูปได้ขยายมาจาก iPhone 7 ทั้งสองโมเดล ถึงแม้ว่าจะยังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลคงเดิม แต่กระนั้นมีการปรับปรุงเซ็นเซอร์ให้ใหญ่ขึ้น และพิกเซลที่เก็บรายละเอียดปลีกย่อยได้เพิ่มขึ้น ถ่ายรูปในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น ชักรูป มีโหมดพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา ที่เรียกว่า "Portrait Lighting" เฉพาะกล้องคู่ของ iPhone 8 Plus เท่านั้น สามารถเลือกได้จากในโหมด ภาพบุคคล เดิม ที่ให้พวกเราเลือกสรรปรับแสงหน้าบุคคลได้มากถึง 5 แบบ กล้องด้านหน้า ความละเอียด 7MP/ f2.2 พร้อมแฟลชจากจอ Retina HD

                 ในด้านการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K 60fps (Frame Per Second) ภาพความเคลื่อนไหวในวิดีโอที่ออกมาก็จะแลดูละมุนละไม ตรงนี้ใครที่ใช้ iPhone รุ่นที่ผ่านมาจะมีตัวเลือก fps วิดีโอ 1080p จะมีตัวเลือก 30 กับ 60fps ส่วน 4K ก่อนหน้ามีแค่ 30fps) แต่เดี๋ยวนี้เราเลือกได้อิสระมากขึ้นว่าจะให้เป็น 24, 30 หรือ 60fps ในการถ่ายวิดีโอโหมดปกติ ด้านการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นมีตัวเลือก 720p 240fps, 1080p 120fps และ 1080p 240fps
 
 เทคโนโลยีชาร์จปราศจากสายที่เพิ่มเข้ามาให้กับ iPhone 8, 8 Plus (พร้อมกับ iPhone X) เป็นครั้งแรกนั้นรองรับกับอุปกรณ์ชาร์จมาตรฐาน Qi ซึ่งหมายความว่า ไม่จำเป็นจะต้องชาร์จจากแท่นชาร์จของ Apple แค่นั้น แต่ก็จะมี AirPowerแท่นชาร์จไร้สายจาก Apple ออกมาวางขายในเร็ว ๆ นี้ซึ่งทุกวันนี้สามารถใช้ยี่ห้ออื่นๆ ได้ แต่กระนั้นแนะนำว่าสมควรเลือกรุ่นใหม่ที่รองรับ Fast Charge

 ตกลงว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สำหรับสาวก Apple ถึงแม้ว่าจะคงออกแบบตัวเครื่องดั้งเดิมตั้งแต่ iPhone 6 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2014 เอาไว้ แต่ก็มีดีเรื่องกล้องถ่ายภาพ โดยเฉพาะในโหมด Portrait Lighting ใน iPhone 8 Plus ที่คนชื่นชอบชักรูปน่าจะชื่นชอบการรวมกันของคุณภาพของกล้องที่ดี กับซอฟต์แวร์ที่ช่วยแต่งแสงเงาในภาพได้หลายหลากรูปแบบตามความประสงค์ ทำให้ในระหว่างที่ออก วางตลาดใหม่ ๆ ก็เป็นหนึ่งในกล้องถ่ายภาพโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟน
 
ส่วนหน้าจอที่งดงามบวกกับความไหลลื่นและฟีเจอร์สำคัญ ๆ ที่มิเป็นรองมือถือตัวตัวท็อปใด ๆ ในช่วงนี้ก็ถือได้ว่า ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus ก็เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่แพงไปนักเมื่อเทียบกับ iPhone x แต่ถ้าหากว่าใครใช้ iPhone 7 ทั้ง 2 โมเดลอยู่แล้ว และจะขยับขึ้นมาเป็น iPhone 8 ทั้ง 2 โมเดลที่เสนอแนะไปนั้น ก็แนะนำว่ารอคอยไปอีกสักหน่อย เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่น่าจะทวีคูณมากกว่านี้อีกในรุ่นถัดไป

Tags : iPhone 8,iPhone 8 ราคา,ไอโฟน 8