สวัสดี บุคคลทั่วไป

เลือกเครื่องปรับอากาศอย่างไร เพื่อให้เซฟเงินในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 320 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
เมื่ออากาศมันอบอ้าว มันก็เลยต้องหาอะไรเพื่อที่จะหายร้อนกันนิดนึง คนชอบทาน ก็ค้นหาของกินกินคลายร้อนกันไป อย่างไรก็ตามหากผู้ใดต้องการให้อากาศภายในบ้านไม่ร้อนดั่งนรก ก็คงน่าจะต้องอาศัย "แอร์" หรือ "เครื่องปรับอากาศ" แล้วละ แต่ถ้าใช้งานแอร์ บางคนก็คงจะไม่สบายใจในประเด็นของค่าใช้จ่ายค่าไฟที่มันจะตามมาภายหลัง แล้วทุกคนจะมีหลักเกณฑ์การเลือกอย่างไร ให้ได้ทั้งของคุณภาพ แล้วก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกทุกคนจะจำเป็นต้องคำนึงถึงชนิดของแอร์น่าจะต้องให้พอเหมาะกับพื้นที่และการทำงาน เพราะตอนนี้นั้นมีหลากหลายแบบให้เลือก โดยแต่ละอย่างก็มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันไป ถ้าสมมติซื้อผิดนั้น ก็สามารถมีผลต่อเกิดผลเสียแก่เครื่องปรับอากาศ รวมถึงยังส่งผลให้เปลืองพลังงานไปอีก หลักๆ แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแบ่งออกเป็นหลายหมวดหมู่ อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศติดกำแพง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, แอร์ติดฝ้าเพดาน รวมทั้ง แอร์เคลื่อนที่ โดยที่แต่ละแบบ มีลักษณะอย่างไรบ้าง ไปพิจารณากันเลย
ประเภทแรกเป็นเครื่องปรับอากาศติดกำแพง โดยที่แอร์อย่างนี้ เป็นที่นิยมกันอยู่แล้ว หรือไม่ก็ต้องเคยเห็นกันอยู่บ่อยๆ นั่นแหละ เพราะว่าการทำงานที่หลากหลาย มีรูปลักษณ์การดีไซน์ที่ร่วมสมัย พร้อมด้วยก็มีขนาดกะทัดรัด แล้วยังยังทำให้ประหยัดพลังงาน แล้วยังสามารถดูแลรักษาสะดวก โดยเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ เหมาะกับห้องพื้นที่น้อย และที่พัก หรือคอนโดทั่วไป อาจจะตรงใจกับความมุ่งหมายของการใช้งานได้อย่างหลากหลายรูปแบบ
ต่อมาเป็นเครื่องปรับอากาศตั้งพื้น ซึ่งเครื่องปรับอากาศแบบนี้เป็นแบบที่มีการกระจายความเย็นได้สูง สามารถทำความเย็นฉ่ำได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงทนทานในการทำงาน รวมไปถึงทนต่อมลพิษอีกด้วย โดยรูปร่างของเครื่องปรับอากาศจะเป็นชนิดตั้งกับพื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีขนาดกว้าง โรงงาน หรือมีประชากรมากมาย  โดยเครื่องปรับอากาศชนิดนี้จะทำงานใช้เสียงดัง ก็เลยทำให้เปลืองพลังงานกว่าเครื่องปรับอากาศชนิดอื่นๆ
ชนิดต่อไปเป็นกลุ่มแอร์ติดฝ้าเพดาน โดยที่อย่างนี้จะเป็นเครื่องปรับอากาศ 4 ทาง ตัวเครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา และท่อน้ำทิ้ง สามารถติดข้างในฝ้าเพดาน ทำให้สามารถคงรูปทรงความสวยงามของห้องได้ตามเดิม ลดขีดจำกัดในการติด ซึ่งเหมาะกับห้องที่เน้นในเรื่องความสวยหรู ช่วยให้ในบ้านสวยเหมือนเดิม  อย่างไรก็ตามเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้จะมีสนนราคามักจะแพงกว่าเครื่องปรับอากาศลักษณะอื่นๆ
ส่วนประเภทท้ายที่สุดคือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่เครื่องปรับอากาศแบบนี้จะไม่ซับซ้อนเหมือนกับกับอย่างก่อน ก็เพราะว่าเพียงเสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะแอร์แบบนี้ใช้ได้เหมือนกันกับเครื่องปรับอากาศบ้านธรรมดา แต่ไม่เหมือนอันอื่นก็ตรงที่สามารถย้ายที่ได้ รวมทั้งก็ไม่จำเป็นต้องติดตั้งกับผนังด้วย เหมาะกับผู้ที่อาศัยหอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลก็สะดวกมาก เหมือนกับแอร์ธรรมดาเลย
กลับมาที่เกณฑ์การเลือกกันต่อ ถัดจากนั้นก็จำเป็นต้องซื้อขนาดแอร์ให้เหมาะกับสัดส่วนห้อง เพื่อที่เมื่อทราบพื้นที่ห้องแล้วนั้น ทำให้ง่ายกับการซื้อขนาดของแอร์และการคาดคะเนค่า BTU นั่นเอง เพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานและทำให้
ประหยัดไฟฟ้า เพราะว่าหลายคนคงจะยังไม่เข้าใจว่า BTU คืออะไร โดยมันก็คือ ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการเลือกซื้อ BTU ย่อมมีความจำเป็น เพราะจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังกับอายุการทำงานของแอร์นั่นเอง ซึ่งหากซื้อแอร์ที่มี BTU สูงเกินพอดี ก็ทำให้ทำงานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ประสิทธิภาพด้านในถดถอย รวมถึงยังส่งผลให้เกิดความชื้นภายในห้องมาก ส่งผลให้ผู้ที่อยู่อาศัยป่วย หรือป่วยได้ อีกทั้งยังส่งผลให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือว่าถ้าหากเลือกแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะทำให้คอมเพรสเซอร์ถูกใช้งานทุกเวลารวมทั้งหนักจนเกินพอดี  ก็เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้  ก็จะส่งผลทำให้เครื่องปรับอากาศทรุดโทรมได้ง่ายๆ รวมทั้งเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย
                ต่อมาก็เป็นหลักไม่ยาก เกินที่ไม่ว่าใคร ก็น่าจะต้องช่วยให้ตัดสินใจตัดสินใจแน่นอน คือ การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้รับสลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะนั่นหมายความว่า ประสิทธิภาพในการใช้งานพลังงานที่คุ้มที่สุด โดยจะทำให้ประหยัดพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่ายได้นั้นเอง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : แอร์ ราคา

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา