สวัสดี บุคคลทั่วไป

เลือกเครื่องปรับอากาศอย่างไร เพื่อที่จะประหยัดเงินทองในกระเป๋ามากที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 285 อ่าน
ตอนสภาพอากาศมันร้อน เลยก็เลยต้องหาอะไรมาดับร้อนกันสักหน่อย ใครถนัดทาน ก็หาอะไรกินคลายร้อนกันไป อย่างไรก็ตามหากว่าผู้ใดต้องการให้อากาศข้างในที่พักไม่อบอ้าวอย่างนรก ก็คงจำเป็นต้องอาศัย "แอร์" หรือว่า "เครื่องปรับอากาศ" แล้วละ ถ้าหากใช้งานแอร์ บางคนก็ต้องเป็นกังวลในเรื่องของรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะตามมาภายหลัง แต่เราจะมีหลักเกณฑ์การเลือกซื้อยังไง ให้ได้ทั้งของคุณภาพ แล้วก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกเราจะควรจะคิดถึงชนิดของเครื่องปรับอากาศควรให้เหมาะสมกับพื้นที่และการใช้งาน เพราะสมัยนี้นั้นมีหลายแบบให้เลือก โดยที่แต่ละแบบก็มีสเปคไม่เหมือนกันไป ถ้าสมมติตัดสินใจผิดนั้น ก็คงอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโทษแก่เครื่องปรับอากาศ และยังส่งผลให้เปลืองพลังงานไปอีก หลักๆ แล้วนั้น เครื่องปรับอากาศจะแยกเป็นหลายลักษณะ ได้แก่ แอร์ติดผนัง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, แอร์ฝังเพดาน รวมถึง เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยแต่ละลักษณะ ประกอบด้วยลักษณะอย่างไรบ้าง ไปดูกันก่อนดีกว่า
ประเภทแรกเป็นเครื่องปรับอากาศติดกำแพง โดยแอร์ลักษณะนี้ เป็นที่ใช้มากกันอยู่แล้ว หรือต้องคุ้นเคยกันอยู่ประจำ นั่นแหละ เพราะว่าการทำงานที่หลากหลาย ประกอบด้วยรูปลักษณ์การดีไซน์ที่ตามสมัยนิยม และก็มีขนาดพอดี อีกทั้งยังทำให้ประหยัดไฟฟ้า รวมถึงสามารถดูแลไม่ยาก โดยแอร์ลักษณะนี้ เหมาะกับห้องสัดส่วนเล็ก หรือบ้านเรือน หรือคอนโดทั่วไป ช่วยให้ตรงตามกับความอยากของการใช้งานได้อย่างหลากหลายแบบ
ต่อมาคือแอร์ตั้งขึ้นพื้น โดยที่เครื่องปรับอากาศแบบนี้คือประเภทที่มีการแผ่กระจายความเย็นฉ่ำได้สูง สามารถทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว แล้วยังทนในการใช้งาน รวมไปถึงทนกับมลพิษอีกด้วย โดยลักษณะของเครื่องปรับอากาศจะเป็นชนิดติดตั้งกับพื้น เหมาะสำหรับห้องที่มีสัดส่วนใหญ่ โรงงาน และมีประชากรหนาแน่น  โดยที่แอร์อย่างนี้จะทำงานใช้อึกทึก จึงทำให้เปลืองไฟฟ้ามากกว่าแอร์แบบอื่นๆ
ประเภทถัดมาคือชนิดแอร์ติดฝ้าเพดาน ซึ่งประเภทนี้จะเป็นเครื่องปรับอากาศ 4 ทาง เครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา และท่อน้ำเสีย สามารถติดภายในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถรักษารูปทรงความสวยงามของห้องได้ดังเดิม ตัดทอนขีดจำกัดในการติดตั้ง โดยเหมาะสมสำหรับห้องที่เน้นในเรื่องความสวยหรู ช่วยให้ภายในบ้านเรียบร้อยอย่างเดิม  แต่ว่าเครื่องปรับอากาศแบบนี้มักจะสนนราคาค่อนข้างแพงมากกว่าเครื่องปรับอากาศแบบอื่นๆ
ส่วนประเภทท้ายที่สุดก็คือแอร์เคลื่อนที่ โดยแอร์กลุ่มนี้จะไม่ยุ่งยากเหมือนกับกับอย่างที่แล้ว เพราะว่าแค่เพียงเสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยที่เครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ใช้งานได้แบบเดียวกันกับเครื่องปรับอากาศบ้านทั่วๆ ไป แต่ว่าไม่เหมือนประเภทอื่นก็ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ รวมถึงก็ไม่ต้องติดตั้งกับตัวบ้านด้วย เหมาะกับคนที่อาศัยหอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม รักษาก็ง่ายมาก เหมือนกับแอร์แบบปกติเลย
ย้อนกลับมาที่หลักเกณฑ์การตัดสินใจซื้อกันต่อ ถัดมาก็ควรจะซื้อขนาดแอร์ให้เข้ากันกับสัดส่วนห้อง เพราะเมื่อทราบสัดส่วนห้องเรียบร้อยแล้วนั้น ก็จะง่ายกับการเลือกซื้อขนาดของแอร์และการคิดค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะเหมาะกับการใช้งานและช่วย
ลดการใช้ไฟฟ้า โดยที่หลายคนคงยังไม่เข้าใจว่า BTU หมายถึงอะไร ซึ่งมันก็คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดยที่ 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการเลือก BTU จึงมีความสำคัญ เนื่องจากจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังงานรวมถึงอายุการทำงานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง ซึ่งหากตัดสินใจแอร์ที่มี BTU สูงเกินพอดี ก็ทำให้ใช้งานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ศักยภาพภายในถดถอย รวมถึงยังส่งผลให้มีความชื้นในห้องสูง ทำให้ผู้อาศัยป่วย หรือป่วยได้ อีกทั้งยังทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย หรือว่าถ้าหากตัดสินใจเครื่องปรับอากาศที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อคอมเพรสเซอร์ถูกใช้งานทุกเมื่อรวมทั้งหนักจนเกินพอดี  เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้  ก็จะมีผลให้เป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาศพังได้ง่าย แล้วยังเปลืองพลังงานอีกเช่นกัน
                ต่อมาก็คือแนวทางไม่ยาก เลยที่ไม่ว่าใคร ก็น่าจะต้องทำให้เลือกตัดสินใจแน่นอน ก็คือ การซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะว่านั่นหมายความว่า ประสิทธิภาพในการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มที่สุด ซึ่งจะช่วยประหยัดไฟฟ้าและประหยัดเงินได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา