สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายภาพถ่ายรูป VS กล้องถ่ายรูปโทรศัพท์มือถือ ถ้าหากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วคุณจะเลือกสิ่งไร?

  • 0 ตอบ
  • 255 อ่าน
ครั้นเมื่อสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันน่าระลึกจนต้องรวบรวมบันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย และมันจะพิเศษขึ้นอีก ครั้นในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้รวบรวมภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายรูป" นั่นเอง โดยในยุคนี้ ใครต่อใคร ต่างก็มีสมาร์ทโฟนที่มีกล้องถ่ายภาพพร้อมมาด้วย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องสะพายกระเป๋ากล้องใบใหญ่ อีกทั้งยังมีความคมชัดมิได้แตกต่างไปจากกล้อง DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว แม้กระนั้นความเป็นจริงนั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายที่ต่างกันอยู่เพียบเลยเชียว
 
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเซนเซอร์ เหตุด้วยกล้องถ่ายรูปจะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายรูปจากสมาร์ทโฟน ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าไหร่ ก็จะรักษาแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติดีกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างหลากหลายมากกว่า เนื่องด้วยโทรศัพท์มือถือสามารถทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพเท่าใดนัก และสิ่งเหล่านี้ยังมีผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยตัดทอน Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยครั้นย้อนกลับมามาดูภาพจากกล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนก็จะเจอ Noise ยิ่งกว่าภาพจากกล้องถ่ายภาพทั่วๆ ไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องสมาร์ทโฟนเล็กกว่ากล้องถ่ายรูปทั่วๆ ไป
 
ถัดจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายภาพเหนือกว่ากล้องถ่ายรูปจากสมาร์ทโฟน ถ้าหากเป็นการขยายของกล้องถ่ายภาพ ท่านสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่แบรนด์สมาร์ทโฟนที่จะมีคุณสมบัตินี้ เพราะภาพบางภาพ ก็จำต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อได้ความข้องเกี่ยวของวัตถุบนภาพที่ดียิ่ง รวมถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เพราะในโทรศัพท์มือถือของเธออาจมีทั้งรูปภาพ เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาชัวร์ ถ้าคุณคิดว่าจะใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายรูปท่านตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่พาคนรักท่องเที่ยว Universal Studios ก็เพราะว่าเจ้าคงจะไม่อยากมานั่งลบรูปถ่าย ลบเพลงโปรด หรือลิสหนังโด่งดังของท่านหรอก แต่ถ้าหากยอมสะพายกล้องถ่ายรูปสักตัว พร้อมทั้งเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าคุณได้ทั้งภาพถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของเธอแน่นอน
 
นั่นคือข้อมูลขั้นแรกว่าทำไมเราถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายรูปตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนไว้ก่อน และอาจจะพักยาวๆ เลย หากได้รู้จักกับกล้องถ่ายรูปตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D ซึ่งก่อนหน้าจะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูจุดเด่น ๆ ของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มค่าต่อการพกพา มากกว่ากล้องถ่ายภาพมือถือหรือเปล่า
 
กล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องถ่ายรูปเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่มากที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่ลงตัวของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ข้อดีของกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เพราะกล้องถ่ายรูป Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดความสะเทือนได้ถึง 4 Stop โดยหากถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปถ่ายที่มีคุณภาพสูงงดงามแม้ที่แสงน้อย โดยที่เจ้ามิต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วย อีกทั้งยังป้องกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของคุณไม่เป็นอุปสรรคเช่นกัน โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยทีเดียว ที่ถึงแม้จะถือด้วยมือ และมิได้มีเครื่องมือเสริมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาสะดวก ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแยกส่วนเฟรมเพื่อให้บันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่จุดหลักเรื่องเดียวของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ก็เอาชนะกล้องสมาร์ทโฟนขาดลอยแล้ว นอกจากนี้ยังมีคุณลักษณะหลายอย่าง อีกมากมายก่ายกองเลยที่ยังมิได้อ้างอิงถึง ดังเช่น โหมดถ่ายรูป Auto ที่ให้คุณปรับตั้งค่าตามที่คุณต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกหลากหลาย ยกตัวอย่างเช่น Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน เป็นต้น และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกมากมายอยู่เหมือนกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และข้อเด่นอีกอย่างของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ คือมีสัดส่วนที่เล็ก และพกพาสะดวกมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำสบประมาทที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : olympus ราคา

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา