สวัสดี บุคคลทั่วไป

ไอโฟน 8 และ iPhone 8Plus อีกหนทางของความคุ้มค่า

  • 0 ตอบ
  • 286 อ่าน
แม้ว่ามือถือตัวหลักของค่าย Apple ในปี 2017 ที่ผ่านมาก็คือ iPhone X ซึ่งมาพร้อมทั้งดีไซน์และคุณลักษณะแบบพรีเมี่ยมและชัดเจนว่ามูลค่าก็สูงเช่นกัน ถึงกระนั้นหลายคนคงลืมไปว่าในปีเดียวกัน ก่อนหน้านี้ iPhone X เปิดตัวเพียง 15 นาที iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus ก็ออกมาแนะนำตัวให้สาวกค่าย Apple ได้รู้จักกัน ซึ่งภายหลังคงเสมอเหมือนคือรุ่นที่ถูกหลงลืมเหตุเพราะกระแสของ iPhone X แต่รู้หรือเปล่าว่า ไอโฟน 8 พร้อมกับ iPhone 8 Plus ถึงแม้จะมีเค้าโครงหน้าตามิแตกต่างไปจาก iPhone 7 และ iPhone 7Plus แต่ก็มีดีพอที่จะทำให้คนที่ไม่สามารถเป็นผู้ครอบครอง iPhone X ในหลาย ๆ เหตุผล หันมาเป็นเจ้าของได้ ดีฉันจะนำพาทุกคนไปทำความรู้จักกับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ให้ดีเพิ่มขึ้น
 
ไอโฟน 8 พร้อมกับ iPhone 8 Plus เปิดวางขายครั้งแรกวันที่ 22 กันยายน 2017 ณสหรัฐอเมริกาและจัดจำหน่ายในไทยวันที่ 3 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน มีให้เลือกสองขนาด คือ iPhone 8 สัดส่วนจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 8 Plus สัดส่วน 5.5 นิ้ว โดยทั้งคู่รุ่น มีสัดส่วนตัวเครื่องทัดเทียมกับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เลย สามารถใช้เคสเดิมมาสวมกันได้สีที่ไม่ให้เลือกก็คือ เทา สเปซเกรย์, สีเงิน และสีทอง ซึ่งเป็นการทำสีเฉดใหม่มีสมรรถภาพในการกันน้ำ กันละออง เช่นกัน อย่างไรก็ตามมีข้อแตกต่างตรงที่ ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus มีด้านหลังเป็นกระจก ทำให้สามารถชาร์จแบบไร้สายได้
 
 ในด้านของความจุนั้น Apple ก็มีมาให้เลือกแค่เพียง 2 ความจุ เช่น 64 GB และ 256 GB ซึ่งอาจจะเป็นเพราะว่าเป็นการที่ Apple จะกระจายสินค้าไปให้ลูกค้าได้อย่างทั่วถึงพร้อมกับรวดเร็วเพิ่มขึ้น จึงทำการลดรุ่นให้น้อยลง

 
 แม้ว่าความละเอียดหน้าจอยังคงเท่ากับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่ รุ่นนี้ เพิ่มการรองรับการแสดงผลแบบ True Tone ที่สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิสีจอให้ตรงกับสภาวะแสงในเวลานั้น เป็นเหตุให้หน้าจอดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
 
 ตัว CP ใช้ชิป A11 Bionic แบบ 6-Core จำแนกเป็น 4-Core ที่ศักยภาพสูง และอีก 2-Core ใช้ระยะเวลาที่เครื่องมิได้ทำงานหนักอึ้งอะไร โดยใช้การทำงานได้อย่างลื่นไหล ที่น่าศึกษาคือ รองรับ AR อย่างเต็มรูปแบบตลอดการทำงานในแอพพลิเคชั่นทั่วไปและเกม โดยชิป A11Bionic นี้เป็นชิปตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone X ด้วย

 ในการเล่นเกมก็สามารถเล่นเกมทุกเกมที่ออกมาตอนนี้ได้อย่างลื่นไหลในภาพกราฟิกขั้นชั้นเยี่ยม ยกตัวอย่างเกมรถแข่งเช่น Need for Speed ที่จำเป็นต้องใช้การ์ดจอ (GPU) ค่อนข้างจะเยอะ หรือ ROV ก็เล่นได้มิติดขัด

 กล้องถ่ายรูปได้ขยายมาจาก iPhone 7 ทั้งสองโมเดล แม้จะยังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม แต่กลับมีการปรับปรุงอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณให้ใหญ่ขึ้น และพิกเซลที่เก็บรายละเอียดปลีกย่อยได้เยอะขึ้น ฉายรูปในภาวะแสงน้อยได้ดีขึ้น ฉายรูป มีโหมดพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา ที่เรียกว่า "Portrait Lighting" เฉพาะกล้องคู่ของ iPhone 8 Plus เท่านั้น สามารถเลือกได้จากในโหมด ภาพบุคคล เดิม ที่ให้คุณเลือกปรับแสงหน้ามนุษย์ได้มากถึง 5 แบบ กล้องถ่ายภาพด้านหน้า ความละเอียด 7MP/ f2.2 กับไฟแฟลชจากจอ Retina HD

                 ในส่วนการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K 60fps (Frame Per Second) ภาพความเคลื่อนไหวในวิดีโอที่ออกมาก็จะดูนุ่มนวล ตรงนี้ใครที่ใช้ iPhone รุ่นที่ผ่านมาจะมีตัวเลือก fps วิดีโอ 1080p จะมีตัวเลือก 30 กับ 60fps ส่วน 4K ก่อนหน้านี้มีแค่ 30fps) แต่ทุกวันนี้เราเลือกสรรได้อิสระมากขึ้นว่าจะให้เป็น 24, 30 หรือ 60fps ในการถ่ายวิดีโอโหมดทั่วๆ ไป ด้านการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นมีตัวเลือก 720p 240fps, 1080p 120fps และ 1080p 240fps
 
 เทคโนโลยีชาร์จปราศจากสายที่เพิ่มเข้ามาให้กับ iPhone 8, 8 Plus (พร้อมกับ iPhone X) เป็นหนแรกนั้นรองรับกับวัสดุอุปกรณ์ชาร์จมาตรฐาน Qi ซึ่งหมายความว่า ไม่จำต้องชาร์จจากแท่นชาร์จของ Apple อย่างเดียว แต่ก็จะมี AirPowerแท่นชาร์จไม่มีสายจาก Apple ออกมาวางขายในเร็ว ๆ นี้โดยในเวลานี้สามารถใช้แบรนด์อื่นๆ ได้ แต่กระนั้นแนะนำว่าพึงเลือกรุ่นใหม่ที่รองรับ Fast Charge

 ตกลงว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สำหรับสาวก Apple แม้จะคงไว้ออกแบบตัวเครื่องเดิมตั้งแต่ iPhone 6 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2014 เอาไว้ แต่ก็มีดีเรื่องกล้องถ่ายรูป เป็นพิเศษในโหมด Portrait Lighting ใน iPhone 8 Plus ที่คนชื่นชอบฉายรูปน่าจะถูกใจการรวมกันของคุณลักษณะของกล้องถ่ายรูปที่ดี กับซอฟต์แวร์ที่ช่วยแต่งแต้มแสงเงาในภาพได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการ ทำให้ขณะที่ออก วางตลาดใหม่ ๆ ก็เป็นหนึ่งในกล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนที่ดีที่สุดในตลาดมือถือ
 
ส่วนหน้าจอที่สวยงามบวกกับความไหลลื่นและคุณลักษณะสำคัญ ๆ ที่ไม่เป็นรองมือถือตัวตัวหลักใด ๆ ในขณะนี้ก็ถือว่า ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus ก็เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่แพงไปนักเมื่อเปรียบเทียบกับ iPhone x แต่ถ้าหากว่าใครใช้ iPhone 7 ทั้ง 2 โมเดลอยู่แล้ว และจะเลื่อนขึ้นมาเป็น iPhone 8 ทั้ง 2 โมเดลที่แนะนำไปนั้น ก็แนะนำว่ารอท่าไปอีกสักหน่อย เพื่อความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะมากขึ้นมากกว่านี้อีกในรุ่นถัดไป

Tags : iPhone 8,iPhone 8 ราคา,ไอโฟน 8