สวัสดี บุคคลทั่วไป

ตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศอย่างไร เพื่อที่จะประหยัดเงินทองในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 315 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
ตอนสภาพอากาศมันอบอ้าว เลยก็เลยต้องค้นหาอะไรมาดับอบอ้าวกันนิดนึง คนชอบรับประทาน ก็ค้นหาของกินทานคลายร้อนกันไป แต่อย่างไรก็ตามถ้าหากใครต้องการอากาศในที่พักไม่อบอ้าวเหมือนกับนรก ก็คงน่าจะต้องอาศัย "แอร์" หรือ "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง แต่หากใช้งานแอร์ บางท่านก็คงจะเป็นกังวลด้านเรื่องของค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะตามมาทีหลัง แล้วเราจะมีเกณฑ์การตัดสินใจซื้อยังไง เพื่อจะได้ทั้งของคุณภาพดี แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกทุกคนจะจำเป็นต้องคิดถึงประเภทของแอร์จำเป็นต้องให้เหมาะสมกับสถานที่และการทำงาน โดยปัจจุบันนั้นมีหลายแบบให้เลือกหา เพราะแต่ละประเภทก็มีคุณลักษณะต่างกันไป ถ้าสมมติเลือกผิดนั้น ก็สามารถมีผลต่ออาจจะโทษแก่เครื่องปรับอากาศ และยังส่งผลให้เสียพลังงานไปโดยใช่เหตุ จริงๆ แล้ว แล้ว แอร์จะแยกออกเป็นหลากหลายหมวดหมู่ อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศติดผนัง, แอร์ตั้งพื้น, เครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน รวมถึง เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่แต่ละอย่าง มีลักษณะเป็นอย่างไรบ้าง ไปพิจารณากันก่อนดีกว่า
ประเภทแรกคือเครื่องปรับอากาศติดกำแพง โดยที่เครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ เป็นที่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว หรือคงจะคุ้นชินกันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ เพราะว่าการทำงานที่หลายแบบ และด้วยลักษณะการออกแบบที่ร่วมสมัย รวมถึงก็มีสัดส่วนพอดี แล้วยังยังทำให้เซฟไฟฟ้า และสามารถดูแลรักษาไม่ยาก เพราะเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ เหมาะกับห้องพื้นที่น้อย หรือบ้าน หรือคอนโดทั่วๆ ไป ช่วยให้ตรงใจกับความมุ่งหมายของการใช้งานได้แบบหลากหลายรูปแบบ
ถัดมาคือแอร์ตั้งพื้น โดยเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ถือเป็นแบบที่มีการแผ่กระจายความเย็นได้ดี สามารถทำความเย็นฉ่ำได้อย่างรวดเร็ว และทนต่อการใช้งาน รวมไปถึงทนกับมลพิษอีกด้วย โดยรูปร่างของแอร์จะเป็นประเภทติดตั้งที่พื้น เหมาะกับห้องที่มีสัดส่วนใหญ่ โรงงาน รวมทั้งมีผู้คนคับคั่ง  โดยที่เครื่องปรับอากาศแบบนี้จะทำงานใช้เสียงดัง เลยทำให้เปลืองพลังงานมากกว่าเครื่องปรับอากาศประเภทอื่นๆ
ประเภทต่อไปเป็นประเภทแอร์ฝังฝ้าเพดาน ซึ่งกลุ่มนี้จะเป็นแอร์ 4 ทาง เครื่องแอร์ ท่อน้ำยา และท่อน้ำทิ้ง สามารถติดด้านในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถเก็บรูปทรงความประณีตของห้องได้อย่างเดิม ลดข้อจำกัดในการติด ซึ่งเหมาะสมสำหรับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความเรียบร้อย ทำให้ในบ้านสวยอย่างเดิม  แต่เครื่องปรับอากาศอย่างนี้จะมีสนนราคาค่อนข้างสูงมากกว่าแอร์อย่างอื่นๆ
และประเภทสุดท้ายคือแอร์เคลื่อนที่ โดยที่เครื่องปรับอากาศชนิดนี้จะไม่ค่อยยุ่งยากเหมือนกับอย่างก่อน เพราะว่าเพียงแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะเครื่องปรับอากาศแบบนี้ใช้ได้แบบเดียวกันกับเครื่องปรับอากาศที่อยู่อาศัยทั่วไป แต่ไม่เหมือนอันอื่นก็ตรงที่สามารถย้ายที่ได้ รวมถึงก็ไม่จำเป็นต้องติดเข้ากับบ้านด้วย เหมาะกับผู้ที่อาศัยหอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลรักษาก็ง่ายมาก เหมือนแอร์แบบปกติเลย
กลับมาที่หลักเกณฑ์การเลือกกันต่อ ถัดจากนั้นก็ควรจะเลือกซื้อสัดส่วนแอร์ให้เหมาะสมขนาดห้อง เพราะถ้ารู้สัดส่วนห้องแล้วนั้น มันก็จะสะดวกกับการตัดสินใจซื้อขนาดของแอร์และการคิดค่า BTU นั่นเอง เพื่อให้เหมาะกับการทำงานและช่วย
ลดการใช้พลังงาน โดยหลายคนคงยังไม่ทราบว่า BTU หมายถึงอะไร โดยมันก็คือ ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดย 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ฉะนั้นการซื้อ BTU จึงมีความจำเป็น เพราะว่าจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังกับอายุการใช้งานของแอร์นั่นเอง หากซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU สูงเกินไป ก็ทำให้ใช้งานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ความสามารถด้านในน้อยลง และยังมีผลให้ให้เกิดความชื้นข้างในห้องมาก อาจทำให้ผู้ที่อยู่อาศัยป่วย หรือไม่ก็ป่วยได้ แล้วยังส่งผลให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือไม่ก็สมมติว่าเลือกแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะส่งผลต่อคอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลาและหนักจนเกินพอดี  เพราะอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้  ซึ่งจะทำให้เป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาศชำรุดได้ง่าย รวมทั้งเปลืองไฟฟ้าอีกเช่นกัน
                ต่อมาก็คือแนวทางไม่ยุ่งยาก เลยที่ใครเห็น ก็คงจะช่วยให้ตัดสินใจตัดสินใจแน่นอน นั่นก็คือ การเลือกสรรแอร์ที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากนั่นคือ ประสิทธิภาพในการใช้งานไฟฟ้าที่คุ้มที่สุด ก็จะทำให้ประหยัดพลังงานและประหยัดรายจ่ายได้นั้นเอง
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : แอร์ ราคา

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา