iPad Mini คือคำตอบของหลายคนที่ชอบใช้แท็บเล็ตที่มีขนาดเล็กแต่สมรรถนะดีในระบบ iOS จนตอนนี้ได้เดินทางมาถึงรุ่น iPad Mini 4 แล้ว ซึ่งได้รับความนิยมในเมืองไทยเป็นอย่างมาก โดยวันนี้ข้าพเจ้าจะมาแนะนำถึงแท็บเล็ตจาก Apple รุ่นนี้กัน

 แต่ก่อนอื่นฉันจะมาแนะนำถึงความเป็นมาโดยประมาณ ของ iPad และ ไอแพด มินิ ก่อนว่ามีแหล่งที่มาที่ไปยังไงก่อนที่จะชนะใจสาวก Apple ถึงเวลานี้
 
 iPad คือTabletคอมพิวเตอร์ที่ออกแบบและพัฒนาโดยบริษัท Apple ซึ่งมีหน้าที่หลักในด้านมัลติมีเดีย ภาพยนตร์ เพลง เกม อีบุ๊ก และท่องเว็บไซต์
 
 iPad เปิดตัววางขายครั้งแรกในเดือนเมษายน 2010 สำหรับรุ่น Wi-Fi และในเดือนเมษายน 2010 สำหรับรุ่น Wi-Fi พร้อม 3G โดย iPad สามารถทำยอดจำหน่ายได้ถึง 3 ล้านเครื่องในระยะเวลาเพียง 80 วัน จุดสำคัญคือมาพร้อมกับเทคโนโลยี Multi Touch สามารถเล่นวิดีโอ, ฟังเพลง, ดูรูปภาพและเล่นอินเทอร์เน็ตได้ จอขนาด 9.7 นิ้ว มีความละเอียด 768 x 1024 พิกเซล หนา 0.5 นิ้ว ใช้ซีพียู Apple A4 ที่พัฒนาขึ้นเองโดยบริษัท Apple โดยจากนั้น iPad ก็ทยอยออกรุ่นใหม่ ๆ ตามมาอย่างไม่ว่างเว้น เช่น

 iPad2 ได้รับการปฏิรูปขึ้นให้มีขนาดบางลง น้ำหนักเบาขึ้น และเพิ่มกล้องถ่ายรูปหลังอีกด้วย แต่ว่าขนาดจอ 9.7 นิ้วเหมือนเดิม

 The New iPad ได้ทำการพัฒนาในหลายๆ ส่วน อย่างเช่น เพิ่มความเร็วซีพียู ปรับความละเอียดของกล้องถ่ายรูป เพิ่มความละเอียดหน้าจอเพิ่มขึ้น (2048 x 1536 พิกเซล) แต่ว่าหน้าตาภายนอกยังเหมือนกัน iPad2

 iPad with Ratina Display เป็นรุ่นที่ทำการยกระดับขึ้นมาจาก The New iPad โดยอัพเกรดซีพียูให้ก้าวหน้า พร้อมปรับปรุงสเปคบางส่วนตัวอย่างเช่น กล้องถ่ายรูปข้างหน้าละเอียดขึ้น เปลี่ยนพอร์ตการเชื่อมต่อ จาก 30 pin adapter เป็น Lightning Port
 แต่กระนั้นที่เป็นที่ชอบใจและตอบโจทย์ของคนที่ไม่ชอบพกพาจอใหญ่ ๆ ก็คือ iPad mini โดยเปิดตัวเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2012 มีหน้าจอขนาด 7.9 นิ้ว ความละเอียด 1024 x 768 พิกเซล (163 ppi)น้ำหนัก 308 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi และน้ำหนัก 312 กรัม สำหรับรุ่น Wi-Fi + Cellular ระบบประมวลผลแบบ Dual-core processor (Apple A5 chipset) ซึ่งเป็นซีพียูอย่างเดียวกับ iPad 2 กล้องถ่ายรูปหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซลและบันทึกวิดีโอระดับ 1080p ส่วนกล้องถ่ายภาพข้างหน้ามีความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล มีระบบปรับความสว่างและโฟกัสอัตโนมัติ และยังรองรับเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ 4G LTE วางขายอย่างเป็นทางการในวันที่ 2 พฤศจิกายน 2012

 ซึ่งล่าสุด iPad mini ได้เดินทางมาถึงรุ่นที่ 4 แม้กระนั้นจะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2015 แต่ก็ยังไม่มีรุ่นใหม่ของพวก Mini มาทดแทน โดยสเปคเบื้องต้นของ ไอแพด มินิ 4 มีดังนี้

 - ขนาด 134.8x203.2x6.1 มิลลิเมตร
 - น้ำหนัก 298.8 กรัม
 - จอกว้าง 7.9 นิ้ว ความละเอียด 2040x1536 พิกเซล (326 ppi)
- ตัวเครื่องใช้วัสดุประเภท อะลูมิเนียม แบบ Unibody
- กระจกหน้าจอใช้เทคโนโลยี Oleophobic Coating เคลือบกันลายนิ้วมือ
- ชิปประมวลผล Apple A8 (64 bit) กับชิป M8 motion coprocessor
- กล้องถ่ายภาพดิจิทัลข้างหลังความละเอียด 8 ล้านพิกเซล
- กล้องถ่ายรูปดิจิทัลข้างหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซล
- รองรับ FaceTime HD
- รองรับการถ่ายวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ 1080p
- มาพร้อมระบบ Touch ID

 หลายคนคงจะมีคำถามว่า ไอแพด มินิ 4 ควรจะครอบครองไหมดีฉันจึงคอมไพล์ จุดดี และ จุดอ่อน มาให้วิเคราะห์กันดังต่อไปนี้

 จุดแข็ง
 1. คุณภาพจอน่าพอใจ
 ภายหลังถูกผู้ชำนาญพิเศษแค่นแคะมาตลอดว่าจอของ iPad Mini 1-2-3 นั้นมีคุณลักษณะไม่สมกับความเป็น Apple เนื่องด้วยสามารถแสดงสีได้เพียง 62% ของขอบข่ายสี sRGB อีกทั้งยังยังสะท้อนแสงจริงๆ ผลที่สุด Apple ก็ปรับปรุงหน้าจอให้ iPad Mini 4 สามารถโชว์สีสันได้เที่ยงตรงและโชว์ได้ถึง 101% ของขอบข่ายสี sRGB เลยเทียว แถมมีอัตราการสะท้อนแสงแค่ 2%

• 
   พอดีและเบา

iPad Mini 4 มีน้ำหนักราว 3 ขีดเท่านั้น โดยเบากว่า iPad Mini 2 ราวๆ 30 กรัม ทำให้ความรู้สึกในการ กำถืออย่างง่ายดาย นอกจากนี้ iPad Mini 4 ยังslimแค่ 6.1 มม.

• 
   ใช้งานลื่นไหล

มีศักยภาพแบ่งแยกครึ่งจอที่มาใน iOS9 เพื่อที่จะทำงาน 2 แอปด้วยกัน โดยจะต้องใช้อุปกรณ์ที่มี Ram 2 GB ขึ้นไป
 
ข้อเสีย
 1. ใช้ร่วมกับเคสแต่ก่อนไม่ได้
iPad Mini 4 ไม่ได้บางลงเท่านั้น บริเวณด้านหน้าก็เยอะกว่า iPad Mini รุ่นอื่น โดยสูงกว่ารุ่นก่อนราว 3 มิลลิเมตร ทำให้ใช้ Smart Cover ของ iPad Mini รุ่นก่อนไม่ได้ ตัวเครื่องslimลงเยอะก็ใช้เคสของ iPad Mini เดิมไม่ได้อีกเหมือนกัน

• 
   สเปคไม่แรงมาก

iPad Mini 4 กำลังไม่เท่า iPhone 6s ที่ใช้ชิป A9 เพราะ iPad Mini 4 ใช้หน่วยประมวลผลเป็น Apple A8 ตระกูล
เดียวกับที่ใช้ใน iPhone 6 แต่ก็มีตรวจสอบแล้วไวกว่าชิปใน iPhone 6 อยู่คร่าวๆ 10% เนื่องจากดำเนินการที่ความถี่สูงกว่า
 
วันนี้ iPad Mini 4 มูลค่าอยู่ที่ 14,900 บาท ในรุ่น Wi-Fi และ 19,900 บาท ในรุ่น Wi-Fi+ Cellular บนความจุ 128 GB ท่านใดให้ความสนใจก็ไปเสาะหาซื้อกันที่ผู้แทนจำหน่ายต่างๆ ได้ขอรับกระผม

Tags : iPad,ipad ราคา,ipad 2017 สเปค