สวัสดี บุคคลทั่วไป

Fujifilm ยักษ์ใหญ่ที่ไม่มีวันล้ม

  • 0 ตอบ
  • 253 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
Fujifilm ยักษ์ใหญ่ที่ไม่มีวันล้ม
« เมื่อ: ตุลาคม 21, 2018, 01:29:27 PM »
                ในเหล่ากล้องดิจิตอลกับทั้งกล้องมิลเลอร์เลสที่กำลังเป็นที่นิยมในบ้านเราพร้อมทั้งกระแสในทั่วโลกนั้น หากไม่พูดถึงตรา ฟูจิ ก็อาจเปรียบเสมือนขาดอะไรไปบางอย่าง ในปัจจุบันกล้องฟูจิ ราคามากมายที่มีให้คัดเลือกซื้อหานั้น  ได้เข้านั่งอยู่ในใจของผู้ที่รักการถ่ายภาพอย่างกว้างขวาง ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จในสมัยปัจจุบัน มียอดจำหน่ายในแต่ละปีโด่งที่สุดในไทยและอันดับต้นๆในทวีปเอเชียรวมไปถึงทั่วโลกในหมวดกล้องถ่ายภาพมิลเลอร์เลสนั้น กว่าจะข้ามมาจวบจนถึงจุดนี้ได้ เรียกได้ว่าฝ่าระลอกคลื่นมรสุมทางเศรษฐกิจกับทั้งกระแสนวัตกรรมที่บริษัทดั้งเดิมอย่าง Fujifilm ต้องมานะบากบั่นตะกุยตะกายพร้อมกับวิ่งให้เฉียบแหลมอยู่เสมอ ซึ่งก็ไม่น่าเชื่อว่า Fujifilm ก็ทำมันได้อย่างน่าประหลาดใจเลยทีเดียว
                ฟูจิ โฟโต้ ฟิล์ม จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1934 ตามแนวทางของรัฐบาลประเทศญี่ปุ่นในยุคนั้นที่ปรารถนาจะมีบริษัทฟิล์มเป็นของตนเอง และมีการเติบโตมาอย่างสม่ำเสมอตามลำดับ จนปี 1965 จึงได้เข้าทำส่วนย่อยที่ประเทศสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก อีกทั้งในปี 1995 ฟูจิก็ตัดสินใจย่างก้าวเข้ามาบุกท้องตลาดงัดข้อกับเจ้าวงการในสหรัฐฯกับในตลาดโลกอย่าง โกดัก ที่มีส่วนแบ่งการตลาดมากถึง 90% ฟูจิกลับใช้กำหนดการกลับด้านมาช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดจากโกดักได้ยิ่งกว่า เป็นเหตุให้มีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นเป็น 33% ในปี 1995 พร้อมทั้งเพิ่มขึ้นอีกเป็น 60% ในปี 1996 ซึ่งขณะนั้นทั้งกล้องฟูจิฟิล์ม และโกดักต่างต่อสู้กันที่จะเป็นเจ้าวงการฟิล์ม แต่หารู้ไม่ว่ามีลูกคลื่นนวัตกรรมลูกใหม่ที่กำลังถาโถมเตรียมที่จะเข้าแทนอยู่เสมอ
                ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ช่วงสาหัสของกิจการค้ากล้องฟิล์มคือขณะปี 2000 ต้นๆ ในช่วงที่บริษัท SONY กับ HP วางจำหน่ายกล้องถ่ายรูปดิจิตอลขึ้นมาเป็นทีแรกพร้อมทั้งสามารถร้องเรียกความสนใจจากคนรักการถ่ายรูปไปได้ใช่เล่นเลยทีเดียวในตอนนั้น เป็นพิเศษการเข้ามาของ smart phone และ social media ยิ่งกว่านั้นการถ่ายรูปดิจิทัลนั้น ย่อมเยากว่า ง่ายกว่า และไวกว่ามาก จึงเป็นผลให้พฤติกรรมลูกค้าแปรไป  หน่วยงานอีสต์แมนโกดักในตอนนั้นมัวแต่คิดว่าการใช้ฟิล์มถ่ายรูปจะคงไว้ได้อีกห้วงหนึ่ง ได้แก่มิตกลงฮวบฮาบอย่างแน่นอน ดังนี้โกดักจึ่งยังมองว่าจะเก็บกระแสกล้องถ่ายภาพฟิล์มไปอีกสักพักนึง แต่ฟูจิคาดว่าในที่สุดแล้ว ดิจิตอลต้องมาแทนที่เนื้อธุรกิจฟิล์มถ่ายภาพอย่างแน่นอนอีกทั้งรวดเร็วด้วย CEO ของบริษัทก็ได้ตกลงใจที่จะนำหน่วยงานเข้าสู่ความเป็นดิจิทัล
ที่จริงแล้วกล้องถ่ายภาพดิจิตอลที่สร้างขึ้นมาได้บนโลกเครื่องแรกๆนั้นก็เป็นของบริษัทโกดักนั้นแหละ ที่อุตส่าห์สร้างคิดค้นขึ้นมาได้แต่ผู้บริหารไม่สืบต่ออย่างเป็นจริงเป็นจัง กลับเห็นเป็นเหมือนสิ่งที่จะมาทำลายธุรกิจหลักคือฟิล์มถ่ายภาพ แปลกแยกจากระดับผู้บริหารของ ฟิจิฟิล์ม ที่ถึงแม้จะมิได้เริ่มต้น แต่ทว่าก็ไม่เคยตกเทรนด์ ได้ปรับปรุงกล้องถ่ายรูปดิจิตอลออกจำหน่ายอย่างจริงจัง ผู้บริหารฟูจิมีความคิดเห็นที่แตกต่างจากผู้บริหารโกดัก ที่ตระเตรียมเข้าสู่ยุคใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป อีกทั้งเคยได้ใช้เทคโนโลยีที่ตนเองมีและเคล็ดต่างๆ ที่ใช้เก็บรักษาสภาพสีบนแผ่นฟิล์ม มาประยุกต์ใช้กับสินค้าเครื่องสำอางแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเทคโนโลยี collagen ที่ช่วยรักษาสภาพความชุ่มชื้น กับความอ่อนเยาว์ของผิวได้ ออกแบรนด์เครื่องสำอางภายใต้ชื่อ Astalift ในปี 2007 พร้อมกับออกขายในตลาดจีน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ญี่ปุ่น รวมไปถึงประเทศในยุโรป ซึ่งล่าสุดทำกำไรให้บริษัทกว่า 3.4 พันล้านดอลลาร์ต่อปี ไม่ใช่เพียงแค่นั้น Fujifilm ยังนำเทคโนโลยี Digital Camera Tech ประยุกต์ใช้กับเครื่องไม้เครื่องมือทางการแพทย์ สำหรับการบันทึกภาพเพื่อวินิจฉัยโรค พร้อมทั้งพัฒนาการผลิตยารักษาโรคมะเร็ง กับโรคความจำเสื่อม ลดงบประมาณการพัฒนาด้าน Film & Analog ลงให้มาก
การรอดตายของ Fujifilm ในยุคปัจจุบันที่ยังมีกล้องฟูจิ ราคามากมายให้ได้เลือกซื้อของกันอยู่นั้น กุญแจสำคัญคือการมองการณ์ไกลและการรับรู้การเปลี่ยนทิศทางของกระแสลมเทคโนโลยีของประธาน Shigetaka Komori, CEO of Fujifim ซึ่งมีเซนส์ของความระแวดระวังภัยยิ่งกว่าบริษัทอื่นใด ด้วยเหตุว่าเห็นเทรนด์ดิจิตอลพร้อมๆ กันกับแบรนด์อื่นแต่เชื่อว่าตลาดฟิล์มจะสูญพันธุ์อย่างเร็ว ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่เพราะฟิล์มถ่ายภาพเป็นกิจการค้าหลัก ถ้าไม่สามารถปรับตัวได้อย่างทันทีทันใดและสร้างธุรกิจใหม่ทันท่วงที เคราะห์กรรมก็คงไม่พ้นจากการล้มละลาย และข้อแก้ไขการณ์จากการเห็นภัยอันตรายจากเทคโนโลยีที่แปรเปลี่ยนอยู่ตลอดแล้วไม่หยุดนิ่งเปลี่ยนวิสัยทัศน์และกลยุทธ์องค์การให้เข้ากับสภาวการณ์ยุคปัจจุบันขณะนั้นๆให้มากที่สุด แสดงให้เห็นให้เราเห็นว่าเราไม่ควรที่จะหยุดนิ่งไม่งั้นเราก็จะไม่เห็นความน่าจะเป็นที่จะพัฒนาตนเองให้ดีขึ้นในอนาคตกาลนั่นเอง

Tags : กล้องฟูจิ,กล้องฟูจิ ราคา,Fujifilm