สวัสดี บุคคลทั่วไป

เลือกซื้อแอร์อย่างไร เพื่อที่จะประหยัดเงินทองในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 344 อ่าน
ตอนสภาพอากาศมันอบอ้าว มันก็ต้องค้นหาอะไรเพื่อมาหยุดร้อนกันสักหน่อย คนชอบรับประทาน ก็ค้นหาอะไรรับประทานคลายร้อนกันไป อย่างไรก็ตามหากว่าผู้ใดต้องการให้อากาศข้างในที่พักไม่อบอ้าวดั่งนรก ก็คงต้องอาศัย "แอร์" หรือว่า "เครื่องปรับอากาศ" แล้วละ แต่หากใช้เครื่องปรับอากาศ บางท่านก็คงจะไม่สบายใจส่วนเรื่องของรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะไล่ตามมาทีหลัง แล้วทุกคนจะมีเกณฑ์การซื้ออย่างไร เพื่อจะได้ทั้งของคุณภาพ แล้วก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อันดับแรกทุกคนจะน่าจะต้องคิดถึงชนิดของแอร์ควรจะให้พอดีต่อพื้นที่ในการทำงาน เพราะสมัยนี้นั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก เพราะแต่ละประเภทก็มีคุณลักษณะไม่เหมือนกันไป โดยหากซื้อผิดนั้น ก็คงอาจจะเป็นเหตุให้ก่อให้เกิดผลเสียต่อแอร์ รวมถึงยังทำให้เสียพลังงานไปโดยใช่เหตุ จริงๆ แล้ว แล้วนั้น แอร์จะแยกออกเป็นหลากหลายหมวดหมู่ อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศติดกำแพง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, แอร์ฝังเพดาน และ แอร์เคลื่อนที่ โดยที่แต่ละประเภท ประกอบด้วยรูปลักษณ์อย่างไรบ้าง ไปพิจารณากันก่อนดีกว่า
อันแรกคือเครื่องปรับอากาศติดกำแพง โดยแอร์ประเภทนี้ เป็นที่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว หรือคงจะคุ้นชินกันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ ซึ่งใช้งานที่หลากหลาย ประกอบด้วยลักษณะการดีไซน์ที่ทันสมัย รวมถึงก็มีสัดส่วนกะทัดรัด อีกทั้งยังช่วยประหยัดพลังงาน รวมถึงสามารถรักษาง่ายๆ เพราะแอร์ประเภทนี้ เหมาะกับห้องพื้นที่ไม่ใหญ่มาก และบ้านเรือน หรือคอนโดทั่วๆ ไป ทำให้ตรงใจกับความมุ่งหมายในการใช้งานได้แบบหลากหลายรูปแบบ
ถัดมาเป็นแอร์ตั้งพื้น โดยแอร์ประเภทนี้เป็นประเภทที่มีการกระจายความเย็นได้ดี สามารถทำความเย็นฉ่ำได้แบบรวดเร็ว พร้อมทั้งทนในการใช้งาน รวมถึงทนทานกับมลพิษอีกด้วย โดยประเภทของแอร์จะเป็นชนิดตั้งบนพื้น เหมาะกับห้องที่มีสัดส่วนใหญ่ โรงงาน และมีประชากรเยอะ  ซึ่งเครื่องปรับอากาศประเภทนี้จะทำงานใช้อึกทึก เลยทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ากว่าแอร์ชนิดอื่นๆ
แบบต่อไปเป็นลักษณะเครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน โดยลักษณะนี้จะเป็นแอร์ 4 ทาง เครื่องแอร์ ท่อน้ำยา และท่อน้ำเสีย สามารถติดด้านในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถเก็บรูปทรงความประณีตของห้องได้อย่างดี ลดขีดจำกัดในการติด โดยที่เหมาะสมกับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความประณีต ช่วยให้ในบ้านสวยงามตามเดิม  แต่ว่าแอร์แบบนี้จะมีมูลค่ามักแพงมากกว่าเครื่องปรับอากาศประเภทอื่นๆ
ส่วนชนิดท้ายที่สุดคือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่เครื่องปรับอากาศแบบนี้จะไม่ค่อยซับซ้อนเหมือนกับกับชนิดที่แล้ว ก็เพราะว่าเพียงเสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะว่าแอร์ชนิดนี้ใช้งานได้อย่างเดียวกันกับแอร์ที่อยู่อาศัยแบบปกติ แต่ไม่เหมือนใครก็ตรงที่สามารถย้ายที่ได้ รวมทั้งก็ไม่ต้องติดตั้งเข้ากับตัวบ้านด้วย เหมาะกับผู้ที่อาศัยหอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลรักษาก็ง่ายดาย เหมือนกับแอร์แบบปกติเลย
กลับมาที่หลักเกณฑ์การเลือกกันต่อ ถัดมาก็ควรจะซื้อสัดส่วนแอร์ให้เข้ากับพื้นที่ห้อง เพราะว่าถ้าทราบพื้นที่ห้องแล้วนั้น ทำให้ไม่ยากกับการซื้อขนาดของแอร์และการคำนวณค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะเหมาะสมกับการทำงานและช่วย
ลดการใช้พลังงาน เพราะว่าหลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า BTU หมายถึงอะไร โดยมันหมายถึง ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดยที่ 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการเลือก BTU ย่อมมีความจำเป็น เพราะจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังงานและอายุการทำงานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง หากตัดสินใจแอร์ที่มี BTU สูงเกินไป ก็ทำให้ใช้งานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ความสามารถด้านในน้อยลง รวมทั้งยังมีผลกระทบให้มีความชื้นข้างในห้องมาก ส่งผลให้ผู้ที่อยู่อาศัยไม่สบาย หรือไม่ก็เจ็บป่วยได้ แล้วยังทำให้สิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย หรือว่าถ้าหากเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะส่งผลให้คอมแอร์ถูกใช้งานตลอดเวลารวมทั้งมากจนเกินควร  ก็เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ปรับหรือกำหนดไว้  โดยจะมีผลให้เป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาศชำรุดได้ง่ายๆ รวมถึงเปลืองพลังงานอีกด้วย
                ถัดมาจะเป็นหลักไม่ยาก เกินที่ใครเห็น ก็น่าจะต้องทำให้ตัดสินใจเลือกซื้อแน่นอน คือ การซื้อแอร์ที่ได้รับสลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็เพราะว่านั่นคือ คุณภาพในการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มค่าที่สุด ซึ่งจะทำให้ประหยัดไฟฟ้าและประหยัดรายจ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา