สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายรูป VS กล้องถ่ายภาพโทรศัพท์มือถือ ถ้าหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วท่านจะเลือกสิ่งไร?

  • 0 ตอบ
  • 296 อ่าน
เมื่อสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มันน่าจำจนจำต้องรวบรวมบันทึกออกมาเป็นรูปถ่าย และมันจะพิเศษขึ้นไปอีก เมื่อภายในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งมั่นใจว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายรูป" นั่นเอง โดยในเวลานี้ ใครก็ตาม ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายภาพพร้อมกันมาด้วย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ไม่ต้องสะพายกระเป๋ากล้องใบใหญ่ อีกทั้งยังมีความกระจ่างมิได้ต่างไปจากกล้องถ่ายรูป DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว แม้กระนั้นที่จริงนั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายก่ายกองที่ต่างกันอยู่เพียบเลยเทียว
 
ดังเช่นเรื่องเซนเซอร์ ด้วยกล้องจักมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องจากสมาร์ทโฟน ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าไหร่ ก็จะรักษาแสงได้ดีกว่า ได้รายละเอียดปลีกย่อยภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติดีกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างมากมายมากกว่า เนื่องด้วยสมาร์ทโฟนอาจจะทำได้ไม่ดีเท่ากล้องถ่ายภาพเท่าใดนัก และสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยลด Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยเมื่อย้อนกลับไปมาดูภาพจากกล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนก็จะเห็น Noise มากกว่าภาพจากกล้องถ่ายรูปทั่วๆ ไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องถ่ายภาพสมาร์ทโฟนเล็กกว่ากล้องถ่ายรูปทั่วๆ ไป
 
ต่อจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายภาพดีกว่ากล้องจากมือถือ ถ้าหากเป็นการขยายของกล้องถ่ายภาพ คุณสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่แบรนด์โทรศัพท์มือถือที่จะมีสรรพคุณนี้ เพราะว่าภาพบางภาพ ก็จำเป็นจะต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อให้ได้ความเกี่ยวข้องของสิ่งของบนภาพที่ดียิ่ง รวมถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เนื่องด้วยในโทรศัพท์มือถือของเจ้าคงมีทั้งรูปถ่าย เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาชัวร์ ถ้าท่านคิดว่าจะใช้กล้องมือถือถ่ายภาพคุณตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่พาแฟนเที่ยว Universal Studios เพราะว่าเธอคงจะมิต้องการมานั่งลบภาพถ่าย ลบเพลงโปรด ไม่ก็ลิสภาพยนตร์ดังของท่านหรอก แต่ถ้าหากยอมสะพายกล้องถ่ายรูปสักตัว พร้อมเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าเธอได้ทั้งรูปถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของเธอแน่นอน
 
นั่นคือข้อมูลเบื้องต้นว่าเพราะอะไรเราถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายภาพตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องโทรศัพท์มือถือไว้ก่อน และอาจจะหยุดพักยาวๆ เลย ถ้าหากได้รู้จักกับกล้องถ่ายภาพตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D โดยก่อนหน้าจะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูข้อดี ๆ ของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องถ่ายรูปมือถือหรือไม่
 
กล้อง Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องถ่ายภาพเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดๆที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่พอเหมาะของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี ข้อดีของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เนื่องมาจากกล้องถ่ายรูป Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop ซึ่งถ้าถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปถ่ายที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ที่แสงน้อย โดยที่ท่านไม่จำเป็นจะต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วย อีกทั้งยังกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของท่านไม่เป็นตัวปัญหาเช่นกัน โดยกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเทียว ที่แม้ว่าจะถือด้วยมือ และมิได้มีอุปกรณ์เสริมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาฉลุย ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแบ่งย่อยเฟรมเพื่อให้บันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่จุดหลักเรื่องเดียวของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ก็ชนะกล้องถ่ายภาพมือถือขาดลอยแล้ว ยิ่งไปกว่านี้ยังมีคุณลักษณะหลายอย่าง อีกเยอะแยะเลยที่ยังไม่ได้อ้างอิงถึง อาทิ โหมดถ่ายภาพ Auto ที่ให้เจ้าปรับตั้งค่าตามที่คุณต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน ฯลฯ และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะอยู่เช่นกัน เพื่อภาพมีความน่าสนใจมากเพิ่มขึ้น และจุดสำคัญอีกอย่างของกล้อง Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาสบายมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เพียงเท่านั้น ตัวนี้จึงสามารถลบคำปรามาสที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา