สวัสดี บุคคลทั่วไป

ตัดสินใจซื้อเครื่องปรับอากาศเช่นใด เพื่อที่จะประหยัดเงินทองในกระเป๋ามากที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 240 อ่าน
พออากาศมันร้อน มันก็คงจะต้องหาอะไรมาดับอบอ้าวกันสักหน่อย ใครชอบรับประทาน ก็มองหาของกินรับประทานคลายร้อนกันไป อย่างไรก็ตามถ้าหากใครต้องการให้อากาศภายในที่พักไม่ร้อนดั่งนรก ก็คงจำเป็นต้องพึ่ง "แอร์" หรือ "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง แต่หากใช้แอร์ บางคนก็ต้องไม่สบายใจด้านเรื่องของค่าใช้จ่ายค่าไฟที่มันจะตามมาทีหลัง แต่ว่าทุกคนจะมีเกณฑ์การเลือกอย่างไร ให้ได้ทั้งสินค้าน่าพอใจ แล้วก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกเราจะจำเป็นต้องนึกถึงประเภทของแอร์ควรจะให้เหมาะสมกับสถานที่กับการทำงาน โดยสมัยนี้นั้นมีหลายรูปแบบให้เลือกสรร โดยที่แต่ละรูปแบบก็มีสเปคไม่เหมือนกันออกไป หากหากตัดสินใจผิดนั้น ทำให้อาจจะทำให้เกิดผลเสียต่อเครื่องปรับอากาศ รวมถึงยังส่งผลให้เสียพลังงานไปอีก จริงๆ แล้ว แล้วนั้น แอร์จะแยกเป็นหลายแบบ เช่น เครื่องปรับอากาศติดผนัง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, เครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน และ เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยแต่ละประเภท มีลักษณะแบบใดบ้าง ไปดูกันเลย
อันแรกคือเครื่องปรับอากาศติดผนัง โดยที่เครื่องปรับอากาศประเภทนี้ เป็นที่ชื่นชอบกันอยู่แล้ว หรือไม่ก็น่าจะต้องคุ้นชินกันอยู่เสมอๆ นั่นแหละ เพราะว่าใช้งานที่หลายแบบ มีลักษณะการออกแบบที่ร่วมสมัย รวมถึงก็มีขนาดกะทัดรัด แล้วยังยังทำให้ประหยัดไฟฟ้า และสามารถดูแลรักษาง่ายๆ เพราะแอร์รูปแบบนี้ เหมาะสำหรับห้องขนาดย่อมๆ และที่พักอาศัย หรือว่าคอนโดทั่วๆ ไป ทำให้ตอบโจทย์กับความปรารถนาในการทำงานได้อย่างหลายแบบ
ต่อมาคือเครื่องปรับอากาศตั้งพื้น โดยที่แอร์ประเภทนี้ถือเป็นประเภทที่มีการกระจายความเย็นฉ่ำได้มาก สามารถทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งทนทานในการทำงาน รวมไปถึงทนต่อมลพิษอีกด้วย เพราะว่ารูปร่างของเครื่องปรับอากาศจะเป็นแบบตั้งที่พื้น เหมาะกับห้องที่มีสัดส่วนใหญ่ โรงงาน และมีประชากรคับคั่ง  โดยที่แอร์อย่างนี้จะทำงานใช้เสียงดัง เลยส่งผลให้เปลืองพลังงานกว่าแอร์ประเภทอื่นๆ
อย่างถัดไปคือชนิดแอร์ฝังฝ้าเพดาน โดยที่อย่างนี้จะเป็นเครื่องปรับอากาศ 4 ทิศทาง ตัวเครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำทิ้ง สามารถติดข้างในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถคงรูปทรงความสวยงามของห้องได้ตามเดิม ลดขีดจำกัดในการติด โดยที่เหมาะสมกับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความประณีต ช่วยให้ภายในบ้านสวยเหมือนเดิม  อย่างไรก็ตามแอร์ชนิดนี้จะมีราคาค่อนข้างจะสูงมากกว่าเครื่องปรับอากาศลักษณะอื่นๆ
และอย่างท้ายที่สุดก็คือแอร์เคลื่อนที่ ซึ่งเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้จะไม่ยุ่งยากเหมือนกับแบบที่แล้ว เพราะว่าเพียงเสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะแอร์กลุ่มนี้ใช้งานได้อย่างเดียวกันกับเครื่องปรับอากาศที่อยู่อาศัยทั่วไป แต่ว่าไม่เหมือนอันอื่นก็ตรงที่สามารถขนย้ายได้ รวมถึงก็ไม่ต้องติดเข้ากับบ้านด้วย เหมาะสมกับคนที่อยู่หอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลก็ง่ายดาย เหมือนเครื่องปรับอากาศธรรมดาเลย
กลับมาที่หลักเกณฑ์การเลือกซื้อกันต่อ ถัดจากนั้นก็ต้องตัดสินใจสัดส่วนเครื่องปรับอากาศให้เข้ากับสัดส่วนห้อง เพราะว่าถ้ารู้พื้นที่ห้องแล้วนั้น ก็จะง่ายกับการซื้อขนาดของแอร์และการคิดค่า BTU นั่นเอง เพื่อเหมาะกับการใช้งานและช่วย
ลดการใช้ไฟฟ้า โดยที่หลายคนคงยังไม่ทราบว่า BTU คืออะไร โดยมันก็คือ ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดยที่ 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ฉะนั้นการซื้อ BTU ย่อมมีความจำเป็น เพราะว่าจะเกี่ยวเนื่องกับ การประหยัดพลังรวมทั้งอายุการใช้งานของแอร์นั่นเอง หากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินไป ก็ทำให้ทำงานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ความสามารถด้านในลดลง รวมถึงยังมีผลกระทบให้มีความชื้นในห้องสูง ส่งผลให้ผู้อาศัยไม่สบาย หรือว่าป่วยได้ แล้วยังทำให้เปลืองไฟฟ้าอีกด้วย หรือว่าถ้าหากซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะส่งผลต่อคอมแอร์ทำงานทุกเมื่อรวมทั้งหนักจนเกินพอดี  เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงกับที่ปรับหรือกำหนดไว้  ก็จะส่งผลเป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาศชำรุดได้ง่าย แล้วยังสิ้นเปลืองพลังงานอีกเช่นกัน
                ต่อมาก็เป็นหลักการง่ายๆ เกินที่ไม่ว่าใคร ก็น่าจะต้องช่วยให้ตัดสินใจตัดสินใจแน่นอน คือ การเลือกสรรเครื่องปรับอากาศที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะนั่นคือ คุณภาพในการใช้งานไฟฟ้าที่คุ้มค่าที่สุด เลยจะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา