สวัสดี บุคคลทั่วไป

เลือกเครื่องปรับอากาศเช่นใด เพื่อที่จะเซฟเงินทองในกระเป๋ามากที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 284 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
พออากาศมันอบอ้าว เลยก็ต้องค้นหาอะไรเพื่อมาหายร้อนกันนิดนึง คนชอบกิน ก็มองหาอะไรกินคลายร้อนกันไป อย่างไรก็ตามหากใครอยากให้อากาศในที่พักไม่ร้อนเหมือนกับนรก ก็คงจำเป็นต้องพึ่งพา "แอร์" หรือ "เครื่องปรับอากาศ" แล้วละ แต่หากใช้แอร์ บางท่านก็คงจะวิตกกังวลส่วนประเด็นของรายจ่ายค่าไฟที่มันจะไล่ตามมาหลังจากนั้น แล้วเราจะมีหลักเกณฑ์การเลือกอย่างใด เพื่อจะได้ทั้งของดี แล้วก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
ข้อแรกเราจะน่าจะต้องนึกถึงประเภทของเครื่องปรับอากาศจำเป็นต้องให้เหมาะต่อพื้นที่กับการใช้งาน เพราะปัจจุบันนั้นมีหลายหลากแบบให้เลือกหา โดยแต่ละอย่างก็มีสเปคต่างกันไป โดยสมมติว่าซื้อผิดนั้น ทำให้อาจจะมีผลต่อก่อให้เกิดโทษแก่เครื่องปรับอากาศ รวมถึงยังส่งผลให้เสียพลังงานไปอีก หลักๆ แล้วนั้น แอร์จะแยกเป็นหลากหลายหมวดหมู่ อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศติดกำแพง, เครื่องปรับอากาศตั้งพื้น, แอร์ฝังเพดาน รวมถึง เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ ซึ่งแต่ละลักษณะ มีรูปลักษณ์เป็นอย่างไรบ้าง ไปพิจารณากันก่อนดีกว่า
อย่างแรกคือแอร์ติดผนัง ซึ่งแอร์แบบนี้ เป็นที่นิยมกันอยู่แล้ว หรือต้องคุ้นชินกันอยู่เสมอๆ นั่นแหละ เพราะการทำงานที่หลากหลาย ประกอบด้วยรูปลักษณ์การดีไซน์ที่ทันสมัย รวมถึงก็มีขนาดพอดี อีกทั้งยังทำให้ลดการใช้ไฟฟ้า รวมทั้งสามารถทำนุบำรุงสะดวกสบาย เพราะว่าเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ เหมาะกับห้องสัดส่วนย่อม หรือบ้านเรือน หรือว่าคอนโดทั่วไป ช่วยให้ตอบโจทย์ต่อความมุ่งหมายของการทำงานได้แบบหลายรูปแบบ
ถัดมาเป็นเครื่องปรับอากาศวางพื้น โดยที่เครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ถือเป็นชนิดที่มีการกระจายความเย็นฉ่ำได้สูง สามารถสร้างความเย็นได้แบบรวดเร็ว รวมทั้งทนทานในการใช้งาน รวมไปถึงทนต่อมลพิษอีกด้วย โดยที่ประเภทของแอร์จะเป็นประเภทตั้งที่พื้น เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่ใหญ่ โรงงาน และมีผู้คนหนาแน่น  โดยที่เครื่องปรับอากาศประเภทนี้จะทำงานใช้อึกทึก จึงส่งผลให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ามากกว่าเครื่องปรับอากาศประเภทอื่นๆ
ประเภทถัดไปเป็นชนิดเครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน โดยชนิดนี้จะคือแอร์ 4 ทาง เครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำเสีย สามารถติดตั้งภายในฝ้าเพดาน ส่งผลให้สามารถรักษาทรงความสวยงามของห้องได้ตามเดิม ลดขีดจำกัดในการติดตั้ง โดยที่เหมาะสมสำหรับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความสวยงาม ช่วยให้ภายในบ้านสวยงามเหมือนเดิม  แต่แอร์อย่างนี้มักมีมูลค่าค่อนข้างจะแพงมากกว่าเครื่องปรับอากาศลักษณะอื่นๆ
ส่วนชนิดท้ายที่สุดคือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่แอร์ชนิดนี้จะไม่ค่อยยุ่งยากเหมือนกับกับประเภทก่อนหน้า เพราะแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยแอร์ชนิดนี้ใช้ได้เหมือนกันกับเครื่องปรับอากาศที่อยู่อาศัยทั่วๆ ไป แต่ไม่เหมือนอันอื่นก็ตรงที่สามารถย้ายที่ได้ แล้วก็ไม่ต้องติดกับผนังด้วย เหมาะกับคนที่อยู่หอพัก อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม รักษาก็ง่ายมาก เหมือนกับเครื่องปรับอากาศทั่วไปเลย
ย้อนกลับมาที่เกณฑ์การเลือกกันต่อ ต่อมาก็จำเป็นต้องเลือกซื้อขนาดแอร์ให้เข้ากันกับพื้นที่ห้อง ก็เพราะว่าถ้ารู้ขนาดห้องแล้วนั้น มันก็จะง่ายกับการเลือกสรรขนาดของแอร์และการคาดคะเนค่า BTU นั่นเอง เพื่อพอเหมาะกับการทำงานและช่วย
เซฟพลังงาน โดยที่หลายคนอาจจะยังไม่เข้าใจว่า BTU คืออะไร ซึ่งมันหมายถึง ขนาดทำความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการตัดสินใจ BTU ย่อมมีความสำคัญ เพราะจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังกับอายุการทำงานของแอร์นั่นเอง ถ้าหากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU สูงเกินไป ก็ทำให้ใช้งานของคอมเพรสเซอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ความสามารถข้างในถดถอย รวมถึงยังส่งผลให้เกิดความชื้นในห้องมาก ส่งผลให้ผู้อาศัยป่วย หรือไม่ก็ไม่สบายได้ แล้วยังส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานอีกด้วย หรือว่าถ้าหากซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะส่งผลให้คอมแอร์ทำงานตลอดเวลารวมถึงหนักจนเกินไป  เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงกับที่ตั้งหรือกำหนดไว้  ซึ่งจะมีผลให้เป็นเหตุให้แอร์ทรุดโทรมได้ง่ายๆ แล้วยังสิ้นเปลืองพลังงานอีกเช่นกัน
                ถัดไปก็เป็นหลักง่ายๆ เกินที่ใครเห็น ก็คงจะช่วยให้ตัดสินใจเลือกแน่นอน นั่นก็คือ การซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ก็เพราะว่านั่นหมายถึง คุณภาพในการใช้พลังงานที่คุ้มที่สุด ซึ่งจะช่วยประหยัดไฟฟ้าและประหยัดค่าใช้จ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา