สวัสดี บุคคลทั่วไป

ตัดสินใจซื้อแอร์เช่นใด ให้เซฟเงินในกระเป๋ามากที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 269 อ่าน
พออากาศมันอบอ้าว มันก็ต้องค้นหาวิธีเพื่อมาหยุดร้อนกันนิดนึง ใครถนัดรับประทาน ก็หาอะไรกินคลายร้อนกันไป แต่อย่างไรก็ตามถ้าใครต้องการบรรยากาศในบ้านไม่ร้อนดั่งนรก ก็คงต้องพึ่งพา "แอร์" หรือว่า "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง ถ้าหากใช้งานเครื่องปรับอากาศ บางคนก็คงจะต้องกังวลใจด้านประเด็นของรายจ่ายค่าไฟที่มันจะไล่ตามมาหลังจากนั้น แต่เราจะมีหลักเกณฑ์การเลือกอย่างไร เพื่อจะได้ทั้งของคุณภาพ แล้วก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกทุกคนจะต้องพิจารณาถึงลักษณะของเครื่องปรับอากาศควรจะให้เหมาะกับสถานที่รวมถึงการทำงาน ซึ่งตอนนี้นั้นมีหลากหลายรูปแบบให้เลือก โดยแต่ละประเภทก็มีสเปคต่างกันไป ซึ่งสมมติว่าเลือกซื้อผิดนั้น ก็อาจมีผลต่อก่อให้เกิดผลเสียกับเครื่องปรับอากาศ รวมถึงยังส่งผลให้เสียพลังงานไปอีก โดยหลักๆ แล้ว เครื่องปรับอากาศจะแบ่งเป็นหลากหลายกลุ่ม อย่างเช่น แอร์ติดผนัง, แอร์ตั้งพื้น, แอร์ฝังเพดาน รวมทั้ง แอร์เคลื่อนที่ โดยที่แต่ละอย่าง ประกอบด้วยลักษณะอย่างไรบ้าง ไปดูกันเลย
ประเภทแรกคือเครื่องปรับอากาศติดผนัง โดยที่แอร์ชนิดนี้ เป็นที่นิยมกันอยู่แล้ว หรือต้องคุ้นชินกันอยู่เสมอๆ นั่นแหละ ซึ่งการทำงานที่หลากหลาย และด้วยรูปแบบการออกแบบที่ร่วมสมัย รวมทั้งก็มีขนาดพอดี อีกทั้งยังทำให้ประหยัดไฟฟ้า รวมทั้งสามารถดูแลรักษาง่าย โดยเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ เหมาะสำหรับห้องขนาดไม่ใหญ่มาก หรือบ้านเรือน หรือว่าคอนโดธรรมดา ช่วยให้ตอบโจทย์กับความอยากของการทำงานได้แบบหลายรูปแบบ
ถัดมาเป็นเครื่องปรับอากาศวางพื้น โดยที่แอร์ลักษณะนี้เป็นแบบที่มีการกระจายความเย็นได้ดี สามารถสร้างความเย็นฉ่ำได้แบบรวดเร็ว และทนในการใช้งาน รวมถึงทนกับฝุ่นควันอีกด้วย โดยที่ประเภทของเครื่องปรับอากาศจะเป็นชนิดติดตั้งกับพื้น เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่กว้าง โรงงาน รวมถึงมีผู้คนหนาแน่น  โดยที่เครื่องปรับอากาศชนิดนี้จะทำงานใช้เสียงดัง ก็เลยทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้ามากกว่าแอร์อย่างอื่นๆ
กลุ่มต่อไปคือแบบแอร์ติดฝ้าเพดาน โดยกลุ่มนี้จะเป็นแอร์ 4 ทาง เครื่องเครื่องปรับอากาศ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำเสีย สามารถติดภายในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถคงรูปทรงความสวยงามของห้องได้อย่างเดิม ตัดทอนขีดจำกัดในการติดตั้ง โดยที่เหมาะสำหรับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความสวยหรู ทำให้ภายในบ้านเรียบร้อยอย่างเดิม  แต่แอร์ลักษณะนี้จะมีมูลค่าค่อนข้างจะแพงมากกว่าแอร์ประเภทอื่นๆ
และชนิดท้ายที่สุดก็คือแอร์เคลื่อนที่ ซึ่งแอร์ประเภทนี้จะไม่ค่อยยุ่งยากเหมือนกับกับอย่างที่แล้ว เพราะแค่เพียงเสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะว่าเครื่องปรับอากาศแบบนี้ใช้ได้อย่างเดียวกันกับแอร์ที่อยู่อาศัยทั่วไป แต่ว่าไม่เหมือนใครก็ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ แล้วก็ไม่ต้องติดตั้งกับบ้านด้วย เหมาะสมกับผู้ที่อาศัยหอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ดูแลก็สะดวกมาก เหมือนกับแอร์ทั่วไปเลย
ย้อนกลับมาที่เกณฑ์การซื้อกันต่อ ถัดจากนั้นก็ควรจะเลือกขนาดแอร์ให้เข้ากันกับพื้นที่ห้อง เพราะว่าเมื่อทราบพื้นที่ห้องแล้วนั้น มันก็จะไม่ยากกับการเลือกขนาดของเครื่องปรับอากาศและการคาดคะเนค่า BTU นั่นเอง เพื่อเหมาะสมกับการใช้งานและทำให้
ประหยัดไฟฟ้า โดยที่หลายคนคงยังไม่ทราบว่า BTU หมายถึงอะไร โดยมันหมายถึง ขนาดสร้างความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดยที่ 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ดังนั้นการตัดสินใจ BTU จึงมีความจำเป็น ก็เพราะว่าจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังงานรวมถึงอายุการใช้งานของเครื่องปรับอากาศนั่นเอง หากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินพอดี ก็จะทำให้ทำงานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ความสามารถข้างในลดลง พร้อมกับยังมีผลให้ให้เกิดความชื้นในห้องสูง อาจทำให้ผู้อาศัยป่วย หรือไม่ก็เจ็บป่วยได้ แล้วยังทำให้สิ้นเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย หรือไม่ก็หากตัดสินใจแอร์ที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะทำให้คอมแอร์ถูกใช้งานทุกเมื่อรวมทั้งมากจนเกินพอดี  ก็เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงกับที่ตั้งหรือกำหนดไว้  ก็จะมีผลให้เป็นเหตุให้แอร์เสียได้ง่ายๆ รวมถึงเปลืองไฟฟ้าอีกเช่นกัน
                ต่อมาก็เป็นหลักไม่ยุ่งยาก เกินที่ไม่ว่าใคร ก็น่าจะต้องช่วยให้ตัดสินใจเลือกซื้อแน่นอน คือ การซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้ฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากนั่นหมายความว่า คุณภาพในการใช้ไฟฟ้าที่คุ้มที่สุด โดยจะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดรายจ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา