สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายรูป VS กล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟน ถ้าหากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วเธอจะเลือกสิ่งไร?

  • 0 ตอบ
  • 297 อ่าน
ครั้นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า มันน่าระลึกจนจำต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นรูป และมันจักยอดเยี่ยมขึ้นอีก เมื่อภายในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้รวบรวมภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้อง" นั่นเอง ซึ่งในยุคนี้ ใครต่อใคร ต่างก็มีมือถือที่มีกล้องถ่ายรูปพร้อมกันมาด้วย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นต้องสะพายกระเป๋ากล้องใบใหญ่ อีกทั้งยังมีความกระจ่างไม่ได้ต่างไปจากกล้องถ่ายรูป DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว อย่างไรก็ดีจริงๆ แล้วนั้นมันยังมีอะไรอีกมากมายก่ายกองที่ต่างกันอยู่มากเลยเทียว
 
อาทิเช่นเรื่องเซนเซอร์ เหตุเพราะกล้องถ่ายภาพจักมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายรูปจากสมาร์ทโฟน ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าใด ก็จะเก็บแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติดีกว่า รวมไปถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างหลากหลายมากกว่า เนื่องด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถทำได้ไม่ดีเท่ากล้องเท่าไรนัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังส่งผลลัพธ์ต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยลด Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยเมื่อย้อนมาดูภาพจากกล้องมือถือก็จะพบ Noise มากกว่าภาพจากกล้องถ่ายรูปทั่วไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องถ่ายรูปมือถือเล็กกว่ากล้องทั่วๆ ไป
 
ถัดจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายภาพดีกว่ากล้องถ่ายรูปจากสมาร์ทโฟน หากเป็นการซูมของกล้องถ่ายภาพ เธอสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่ยี่ห้อสมาร์ทโฟนที่จะมีสรรพคุณนี้ ก็เพราะว่าภาพบางภาพ ก็จำต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อให้ได้ความสัมพันธ์ของวัตถุบนภาพที่ดีที่สุด รวมไปถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เนื่องจากว่าในโทรศัพท์มือถือของเธออาจมีทั้งรูปถ่าย เพลง หนัง หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาแน่ๆ หากคุณคิดว่าจะใช้กล้องโทรศัพท์เคลื่อนที่ชักรูปท่านตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่ก็พาแฟนเที่ยว Universal Studios เพราะว่าคุณคงจะไม่อยากมานั่งลบรูป ลบเพลงโปรด หรือไม่ลิสหนังดังของเจ้าหรอก แต่ถ้ายอมสะพายกล้องถ่ายรูปสักตัว พร้อมทั้งเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าคุณได้ทั้งรูปถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของเธอแน่นอน
 
นั่นเป็นข้อมูลเบื้องต้นว่าเพราะเหตุใดคุณถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายรูปตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องโทรศัพท์มือถือไว้ก่อน และอาจจะพักยาวๆ เลย ถ้าหากได้รู้จักกับกล้องถ่ายภาพตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้องถ่ายภาพ Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูจุดหลัก ๆ ของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มค่าต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องโทรศัพท์มือถือหรือเปล่า
 
กล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่มากที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่ลงตัวของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจจะไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นเป็นอันดี จุดหลักของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา เนื่องมาจากกล้องถ่ายรูป Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop ซึ่งถ้าถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ที่แสงสว่างน้อย โดยที่เธอมิต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วย อีกทั้งยังกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของเจ้ามิเป็นปัญหาเช่นกัน โดยกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยเชียว ที่ถึงแม้ว่าจะถือด้วยมือ และไม่ได้มีเครื่องมือเพิ่มเติมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาราบรื่น ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถแยกส่วนเฟรมเพื่อให้บันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้เช่นกัน

 จะเห็นว่านี่แค่จุดแข็งเรื่องเดียวของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ก็พิชิตกล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนลอยลำแล้ว นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์หลากหลาย อีกเยอะแยะเลยที่ยังมิได้พูดถึง อาทิ โหมดถ่ายภาพ Auto ที่ให้เธอปรับตั้งค่าตามที่เธอต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ตัวอย่างเช่น Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน เป็นต้น และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกมากมายอยู่เช่นกัน เพื่อภาพมีความน่าดึงดูดใจมากเพิ่มขึ้น และข้อเด่นอีกอย่างของกล้อง Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาสบายมาก โดยมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้เพียง 362 กรัม เพียงเท่านั้น ตัวนี้จึงสามารถลบคำดูถูกที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : olympus ราคา

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา