สวัสดี บุคคลทั่วไป

ประวัติศาสตร์สังคม Rock and Roll ต้อง "Jim Marshall"

  • 0 ตอบ
  • 220 อ่าน
ประวัติศาสตร์สังคม Rock and Roll ต้อง "Jim Marshall"
« เมื่อ: ธันวาคม 11, 2018, 04:53:01 AM »
                ถ้าท่านคือผู้ที่ตกหลุมรักในเสียงดนตรี หรือว่าเสียงดนตรี เชื่อว่าคุณจักต้องรู้จักแบรนด์เครื่องเสียงยี่ห้อนี้เป็นอย่างดีแน่นอน ทั้งนี้เพราะเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมชมชอบอย่างหนัก เช่น ลำโพง หูฟัง เครื่องกระจายเสียง และต่างๆ อีกเยอะแยะ โดยประวัติความเป็นมาของยี่ห้อนี้ จัดว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สังคมเพลงRock and Rollเลยก็ว่าได้ อีกทั้งยี่ห้อที่กำลังเอ่ยถึงอยู่นี้ก็คือ Marshall นั่นเอง โดยภูมิหลังของ Marshall นั้น จักมีความเป็นมาประการใดบ้าง และเพราะเหตุใดถึงได้มาเป็นยี่ห้อระดับโลกปานนี้ ผมจะมาค้นหาคำตอบกัน
                Marshall นั้น ได้ริเริ่มตั้งขึ้นโดย Jim Marshall ซึ่งต้นกำเนิดอยู่ที่การเป็นนักดนตรีมือโปรมาก่อน โดยเล่นในตำแหน่งมือกลอง สืบมาก็ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองมาจัดการกิจการร้านขายเครื่องดนตรี และอุปกรณ์มากมาย ซึ่งริเริ่มจากการขายกลองชุดกับกีตาร์ในลอนดอนอาณาบริเวณ Hanwell ซึ่งผู้บริโภคเป็นส่วนใหญ่จักเป็นนักดนตรีดนตรีRock 'n' Roll ที่มีความโด่งดังในช่วงเวลานั้น ไม่ว่าจะเป็น ริตชี แบล็กมอร์ หรือไม่ก็เป็น พีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who นั่นอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้มีผู้ใช้เพิ่มมากขึ้น
                ต่อมาก็เริ่มมีนักดนตรีดัง หลายท่านอยากได้แอมป์ หรือเครื่องกระจายเสียงสำหรับกีตาร์ที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งดังกว่าเดิม เพราะตัวปัญหาที่ประสบเป็นส่วนใหญ่มักจะเป็นเรื่องความดังของเครื่องกระจายเสียงที่ไม่พอดีในการบรรเลงแสดงสดนั่นเอง Marshall จึงได้ตกลงใจลองทำออกมาจำหน่าย และดันประสบความสำเร็จอย่างมากมาย กลายเป็นการบอกเล่าปากต่อปาก จนกระทั่งคณะดนตรีหลายๆ วง สนใจ Marshall จึงได้ลงมือออกมาจัดจำหน่ายอย่างเอาจริงเอาจัง อีกทั้งได้ก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน ขึ้นในปี ค.ศ. 1962 นั่นจึงเป็นจุดเริ่มแรกของยี่ห้อ Marshall อย่างถ่องแท้
                แอมป์กีตาร์รุ่นแรกที่เป็นเหตุให้นักดนตรีทั้งหลายชอบ รวมไปถึงยังเอื้อนเป็นเสียงเดียวกันว่าคือแอมป์กีตาร์ที่น้ำเสียงดีเลิศตามที่เคยมีมา (ในช่วงเวลานั้นนะ) ก็คือรุ่น JTM 45 และถัดไปมาในปี ค.ศ. 1965 Marshall ก็ได้พัฒนาสร้างแอมป์ขนาด 100 วัตต์ พร้อมกับตู้ลำโพงขนาด 4x12 นิ้ว อีกหลายรุ่นตามออกมา จนได้รับความเชื่อมั่นจากมือกีตาร์สายบลูส์ สายร็อก จากวงโด่งดัง ระดับตำนานเช่นว่า The Who, John Mayall and the Bluesbreaker, Led Zeppelin, Deep Purple รวมทั้ง AC/DC เป็นอาทิ
                และนั้นคือความยิ่งใหญ่ในช่วงเวลา 60 ของ Marshall อย่างย่อ ถึงกระนั้นครั้นเวลาได้ผ่านพ้นเข้าสู่ยุคดิจิตอล ยี่ห้อ Marshall ที่ชำนาญในสังคมเครื่องเสียงก็ได้พัฒนาและหยิบยกเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาร่วมมือในการผลิตผลิตภัณฑ์เพื่อให้ทันยุค ทันสมัย พร้อมทั้งถูกต้องตามพระราชประสงค์ หรือตอบโจทย์ผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น ภายใต้ชื่อ Marshall Headphone ซึ่งเป็นสินค้าประเภทหูฟัง เพื่อให้ผู้ใช้ หรือสามัญชนทั่วๆ ไปให้ได้รับประสบการณ์การฟังเสียงดนตรีในแบบของ Marshall รวมถึงสินค้าเหล่าลำโพงที่สามารถเชื่อมบลูทูธได้ ซึ่งนั่นทำให้ Marshall ฮิตอย่างเต็มเปี่ยมเช่นเดียวกัน ด้วยสไตล์เสียงที่ไม่ซ้ำใคร และดีไซน์ที่ดูเป็นวินเทจ คลาสสิค สวยงาม โดยรุ่นหูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ที่น่าสนใจ พร้อมกับจักแนะนำนั่นก็คือ หูฟังปราศจากสาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth และลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore ซึ่งจักมีรายละเอียดปลีกย่อยดังนี้
 
หูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth
                คือหูฟังไม่มีสายที่มีความคลาสสิคอยู่ภายในตัว ดีไซน์สวยงาม ดูดีมีสไตล์ ขนาดกะทัดรัดสามารถพับได้ ทำให้พกพาไปไหนต่อไหนได้ง่าย มีการเชื่อมอย่างเร็วด้วย Bluetooth 4.0 แต่กระนั้นสามารถใช้ร่วมกับอุปกรณ์ต่างๆ ผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วยเช่นเดียวกัน  สามารถใช้งานได้เป็นเวลายาวนานถึง 30 ชั่วโมงด้วยแบต Li-ion Polymer (680mAh) อีกทั้งกินเวลาชาร์จน้อยกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งผ่าน Micro USB ด้านของสุรเสียงก็ทำออกมาได้ดีสมกับเป็น Marshall เพราะด้วยเบสแน่นๆ เสียงร้องคมชัด มีเสียงแหลมที่ไม่ขัดหู และเวทีเสียงที่สามารถจำแนกแยกแยะรายละเอียดปลีกย่อยของชิ้นส่วนเครื่องดนตรีต่างๆ ได้อย่างดีมาก สมกับการเป็นสุดยอดประวัติศาสตร์ยี่ห้อเครื่องเสียง สายพันธุ์ร็อกโดยแท้จริง โดยหูฟังไร้สาย Marshall รุ่นนี้ สนนราคาจะอยู่ที่ไม่เกิน 5,990 บาท
 
ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore
                เป็นลำโพงบลูทูธที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ได้ออกจำหน่ายนานแล้วเช่นเดียวกัน แต่ถ้าว่าเรื่องของคุณภาพนั้นมิได้แย่ไปกว่าเดิมเลย เป็นลำโพง Bluetooth 4.0 ที่ให้เสียงที่กระจ่างครบบริบูรณ์ ด้วยระบบชิป aptX ออกแบบด้วยไดร์ฟเวอร์ด้านในทั้งหมด 3 ตัว รวมไปถึงยังมี INPUT 4 ช่องทาง คือ Bluetooth, Optical, INPUT1 หรือว่าแจ็คขนาด 3.5 มม. และ INPUT2 หรือว่า RCA นอกจากนี้ยังมีฝีไม้ลายมือในการปรับเสียงทุ้มแหลมได้เช่นกัน ให้เสียงเปรียบเสมือนคุณกำลังฟังดนตรีจากการเล่นดนตรีสดเลยก็ว่าได้ โดยลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore นี้จักมีราคาถูกที่ไม่เกิน 15,900 บาท ถ้าเทียบกับสุรเสียงที่ได้ จัดว่าคุ้มค่ามากๆ
                นั่นคือทั้งหมดที่ทางดิฉันได้หยิบยกฝากกันในวันนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยเก่าจนปัจจุบันนี้นั้น พวกเรายังคงเห็นแอมป์กีตาร์แบรนด์ Marshall เชื้อชาติอังกฤษนี้แทบจะทุกเวทีเลย รวมถึงหูฟัง และลำโพงที่เยอะแยะหลายรุ่นที่ไม่ว่ากาลเวลาจักผ่านไปนานแค่ไหน แต่ทว่า Marshall ก็ยังคงไว้ความคลาสสิคตามแนวแบบ Marshall มิเคยเปลี่ยน

Tags : MARSHALL,marshall ราคา,หูฟัง marshall