หากว่ากล่าวขวัญ JBL แล้ว ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักอย่างแน่นอน ด้วยว่าคือแบรนด์เครื่องเสียงที่เป็นที่นิยมอย่างไม่ว่างเว้นมาเป็นเวลาเป็นสิบๆ ปี เช่น หูฟัง Stereo, หูฟังออกกำลังกาย, ลำโพงบลูทูธ, เครื่องเสียงบ้าน, เครื่องเสียงรถยนต์ และ อื่นๆ เยอะแยะ แล้วทราบไหมว่า JBL มีมาช้านานนับกว่า 70 ปีเข้าไปแล้ว โดยจักมีประวัติความเป็นมายังไงบ้าง วันนี้จักนำไปรู้จักมักจี่ JBL กันให้เพิ่มมากขึ้น
 
 ประวัติของ JBL เริ่มต้นมาจากหนุ่มที่มีชื่อว่า James B. Lansing คือผู้บุกเบิก JBL ซึ่งก่อนหน้านั้นเขาก็มีบริษัทที่ตัวเองเคยร่วมก่อตั้งชื่อว่า Altec Lansing sound แต่ก็ได้แยกตัวออกมาเพื่อมาจัดตั้งขึ้นบริษัทเครื่องเสียงของตนเอง โดยเดิมที James B. Lansing ใช้ชื่อว่า บริษัท Lansing sound ซึ่ง James B. Lansing ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นนักวิศวกรทางเสียงแห่งยุคเลยก็ว่าได้ เนื่องมาจากเขาได้คิดค้นเทคโนโลยีวิศวกรรมทางเสียงจำนวนมากตลอดช่วงชีวิตของเขา แต่ว่าหากในแง่นักบริหารธุรกิจจัดเป็นผู้ที่ล้มเหลวเลยเทียว เนื่องจากว่าตั้งบริษัท Lansing sound ได้ เพียงแค่ 3 ปี บริษัทก็ขาดทุน เป็นเหตุให้มีหนี้อักโขจนแทบสิ้นเนื้อประดาตัว James B. Lansing จึงได้ตกลงใจจบชีวิตตัวเองลง เพื่อหนีหนี้สินและแรงดันจากความผิดพลาดพวกนั้น ด้วยวัยเพียงแค่ 47 ปี
 
 ต่อจากนั้น William Thomas ก็ได้เข้ามาดูแลงานกิจการแทน โดยได้เอาเงินจากสัญญาประกันของ James Lansing มาชำระหนี้ทั้งหมด และปฏิรูปบริษัทต่อไป จนมีผลิตภัณฑ์รุ่นหลากหลาย จากเทคโนโลยีทางวิศวกรรมที่ James Lansing ได้ทิ้งเป็นมรดกไว้ให้ จนสามารถพาไปสู่ตลาดเครื่องเสียงได้ เช่น รุ่น Hartsfield, Paragon โดยเป็นรุ่นที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง กระทั่งได้เปลี่ยนชื่อบริษัทจากเดิม Lansing sound inc. มาเป็น "James B. Lansing sound inc." โดยตั้งชื่อย่อๆ ว่า JBL เพื่อเป็นเกียรติประวัติแด่ James B. Lansing นั่นเอง
 
 ถัดจากนั้นมาในปี 1969 บริษัท JBL ได้ขายธุรกิจการค้าให้แก่ Sidney Harman แห่งบริษัท Jervis corp. โดยวันนี้ก็คือ Harman international นั่นเอง ซึ่งหลังจากนั้นบริษัท JBL ได้สร้างประวัติศาสตร์หลากหลายในกลุ่มเครื่องเสียง และประสบผลสำเร็จทางการตลาดอย่างมากอย่างยิ่ง สมัยนั้นมีลำโพง JBL รุ่น L-100 ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างยิ่ง โดยสร้างยอดจำหน่ายกว่า 125,000 เครื่องเลยทีเดียว และเมื่อก้าวย่างศตวรรษที่ 20 ซึ่งเป็นช่วงเวลาแห่งโลกดิจิตอล JBL ก็ได้สร้างสรรค์นวัตกรรมต่างๆ เพื่อทันยุคทันสมัยดิจิตอล โดยการใส่ ระบบ DSP (Digital Signal Processing) หรือการทำให้ชุดเครื่องเสียงสามารถรองรับสัญญาณเสียงแบบ Digital ได้อย่างปัจจุบันนี้นี่เอง
 
 และอย่างที่เห็นกันว่า ปัจจุบันนี้ JBL เองก็ยังเป็นแบรนด์ที่เป็นที่นิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องด้วยศักยภาพของหูฟัง เครื่องเสียง รวมถึงลำโพง JBL ที่ได้ปฏิรูปกระทั่งเป็นแบรนด์อันดับต้นๆ ที่ทุกท่านเลือกใช้ ซึ่งลำโพง JBL ที่ดิฉันจะเสนอแนะวันนี้ก็คือ JBL Xtreme 2, JBL Clip 3 และ JBL GO 2 โดยทั้ง 3 รุ่นมาพร้อมกับคุณสมบัติกันน้ำมาตรฐาน IPX7 กันน้ำลึก 3.3 ฟุตในระยะไม่เกิน 30 นาที อย่างไรก็ตามจะมีความเด่นเพิ่มขึ้นเช่นไรบ้าง ลองไปดูกันเลย
 
 JBL Xtreme 2 มาพร้อมด้วยการดีไซน์ที่ดูหนาแน่น พร้อมด้วยปรับปรุงเรื่องน้ำเสียง โดยที่มีเบสที่หนักแน่น และแรงเยอะขึ้นกว่าเดิม แบตเตอรี่ก็อึดมากยิ่งขึ้น ซึ่งสามารถบรรเลงติดต่อได้ยาวนานถึง 15 ชั่วโมงต่อรอบการชาร์จเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านี้ยังส่งเสริมเทคโนโลยี JBL Connected+ ที่ช่วยให้เล่นเพลงได้พร้อมกันจากลำโพงหลากหลายตัว อีกทั้งยังมีการปรับปรุงให้มีการขับเสียงออกมาให้สมจริงแบบ 3D ด้วย Radiators และ ไดร์เวอร์ด้านในที่ได้รับการอัพเกรด นั่นจึงทำให้ท่านไม่เพียงแค่ได้ยินเสียงทรงพลังไปทั่วทั้งห้อง แต่ท่านยังอาจสัมผัสถึงพลังของเพลงได้อีกด้วย
 
 JBL Clip 3 เป็นลำโพง JBL ขนาดย่อมพอดี เหมาะกับการเดินทาง มีหูแขวนช่วยให้คุณสามารถแขวนกับเป้ หรือไม่ก็สายรัดเอว ให้ท่านพกติดตัวได้อย่างสะดวก มีเสียงเบสที่ฟังม่วน กระชับ เสียงแหลมไม่คมมาก พอเหมาะ เวทีเสียงขนาดพอสมควร ซึ่งเสียงนักร้องจะอยู่ข้างหน้าเล็กน้อย และพร้อมกับแบตเตอรี่ใช้งานได้ยาวนานสูงสุด 10 ชั่วโมงต่อรอบการชาร์จเลยทีเดียว
 
 JBL GO 2 คือลำโพง JBL ขนาดย่อมอีกตัวที่มีประสิทธิภาพที่ไม่ย่อมตามตัวเลย เนื่องด้วยได้เพิ่มแบตมากขึ้น ซึ่งสามารถใช้งานได้ไม่ขาดระยะนานถึง 5 ชั่วโมงจากการชาร์จแค่ครั้งเดียว ยิ่งกว่านั้นยังสามารถใช้เป็น Speaker Phone พร้อมทั้งระบบตัดเสียงรบกวน สำหรับการโทรออก ยิ่งไปกว่านี้ยังมีการแก้ไขสุรเสียงให้ออกมาเหมือนจริงและกว้างมากเพิ่มขึ้น ตามแบบฉบับเอกลักษณ์ของ JBL หรือ JBL Signature Sound นั่นเอง

Tags : ลำโพง JBL,ลําโพง jbl ราคา,รีวิว ลำโพง jbl