สวัสดี บุคคลทั่วไป

ไอโฟน 8 และ iPhone 8Plus อีกวิธีเลือกของความคุ้มค่า

  • 0 ตอบ
  • 215 อ่าน
แม้กระนั้นมือถือเรือธงของค่าย Apple ในปี 2017 ที่ผ่านมาก็คือ iPhone X ซึ่งมาพร้อมกับออกแบบและคุณลักษณะแบบพรีเมี่ยมและชัดเจนว่าราคาก็แพงอีกด้วย แต่ทว่าหลายคนคงจะหลงลืมไปว่าในปีเดียวกัน ก่อนหน้า iPhone X เปิดตัวแค่ 15 นาที iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็ออกมาแนะนำตัวให้สาวกค่าย Apple ได้รู้จักมักคุ้นกัน ซึ่งสืบมาคงเหมือนเป็นรุ่นที่ถูกหลงลืมด้วยเหตุว่ากระแสของ iPhone X แต่ทราบไหมว่า iPhone 8 พร้อมกับ iPhone 8 Plus ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะหน้าตามิแตกต่างไปจาก iPhone 7 และ iPhone 7Plus แต่ก็มีดีพอที่จะทำให้คนที่ไม่สามารถเป็นเจ้าของ iPhone X ในหลาย ๆ เหตุผล หันมาเป็นผู้ครอบครองได้ กระผมจักนำทุกคนไปทำความรู้จักมักคุ้นกับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ให้ดีเพิ่มขึ้น
 
ไอโฟน 8 พร้อมกับ iPhone 8 Plus เปิดขายครั้งแรกวันที่ 22 กันยายน 2017 ที่อเมริกาและขายที่ไทยวันที่ 3 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน มีให้เลือกสรรสองขนาด คือ iPhone 8 ขนาดหน้าจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 8 Plus สัดส่วน 5.5 นิ้ว โดยทั้งสองรุ่น มีสัดส่วนตัวเครื่องเท่าๆ กับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เลย สามารถใช้เคสเดิมมาสวมกันได้สีที่ไม่ให้เลือกก็คือ เทา สเปซเกรย์, สีเงิน และสีทอง ซึ่งเป็นการทำสีเฉดใหม่เอี่ยมมีความสามารถในการกันน้ำ กันละออง เช่นเดียวกัน แม้กระนั้นมีข้อแตกต่างตรงที่ ไอโฟน 8 และ iPhone 8 Plus มีข้างหลังคือกระจก ทำให้สามารถชาร์จแบบไม่มีสายได้
 
 ในส่วนของความจุนั้น Apple ก็มีมาให้เลือกสรรแค่เพียง 2 ความจุ เช่น 64 GB และ 256 GB ซึ่งอาจเป็นเพราะว่าเป็นการที่ Apple จะกระจายสินค้าไปให้ผู้ใช้ได้อย่างทั่วถึงและเร็วเพิ่มขึ้น จึงทำการลดรุ่นให้น้อยลง

 
 แม้ว่าความละเอียดจอยังคงเท่ากับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่ รุ่นนี้ เพิ่มเติมการรองรับการแสดงผลแบบ True Tone ที่สามารถเปลี่ยนอุณหภูมิสีหน้าจอให้ตรงกับสภาพแสงตอนนั้น เป็นเหตุให้จอดูเป็นธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น
 
 ตัว CP ใช้ชิป A11 Bionic แบบ 6-Core จำแนกเป็น 4-Core ที่สมรรถนะสูง และอีก 2-Core ใช้ระยะเวลาที่เครื่องมิได้ทำงานหนักอะไร โดยใช้การได้อย่างลื่นไหล ที่เป็นที่ดึงดูดคือ รองรับ AR อย่างเต็มรูปแบบตลอดการทำงานในแอพพลิเคชั่นทั่วๆ ไปพร้อมกับเกม โดยชิป A11Bionic นี้เป็นชิปตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone X ด้วย

 ในการเล่นเกมก็สามารถเล่นเกมทุกเกมที่ออกมาตอนนี้ได้อย่างลื่นไหลในภาพกราฟิกอันดับชั้นเลิศ ยกตัวอย่างเกมรถแข่งเช่น Need for Speed ที่จำต้องใช้การ์ดจอ (GPU) ค่อนข้างเยอะ หรือไม่ก็ ROV ก็เล่นได้ไม่ติดขัด

 กล้องได้ขยายมาจาก iPhone 7 ทั้งสองโมเดล ถึงแม้จะยังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเท่าเดิม ถึงกระนั้นมีการเปลี่ยนแปลงอุปกรณ์ตรวจจับสัญญาณให้ใหญ่ขึ้น และพิกเซลที่เก็บรายละเอียดปลีกย่อยได้เพิ่มขึ้น ฉายรูปในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น ชักรูป มีโหมดพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา ที่เรียกว่า "Portrait Lighting" เฉพาะกล้องคู่ของ iPhone 8 Plus เท่านั้น สามารถเลือกได้จากในโหมด Portrait เดิม ที่ให้เราเลือกสรรปรับแสงหน้ามนุษย์ได้มากถึง 5 แบบ กล้องด้านหน้า ความละเอียด 7MP/ f2.2 พร้อมกับไฟแฟลชจากจอ Retina HD

                 ในด้านการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K 60fps (Frame Per Second) ภาพการเคลื่อนไหวในวิดีโอที่ออกมาก็จะดูอ่อนนุ่ม ตรงนี้ใครที่ใช้ iPhone รุ่นที่ผ่านมาจะมีตัวเลือก fps วิดีโอ 1080p จะมีตัวเลือก 30 กับ 60fps ส่วน 4K ก่อนหน้านี้มีเพียง 30fps) แต่เดี๋ยวนี้คุณเลือกสรรได้อิสระมากขึ้นว่าจะให้เป็น 24, 30 หรือ 60fps ในการถ่ายวิดีโอโหมดปรกติ ด้านการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นมีตัวเลือก 720p 240fps, 1080p 120fps และ 1080p 240fps
 
 เทคโนโลยีชาร์จไม่มีสายที่เพิ่มเข้ามาให้กับ iPhone 8, 8 Plus (พร้อมกับ iPhone X) เป็นหนแรกนั้นรองรับกับอุปกรณ์ชาร์จมาตรฐาน Qi ซึ่งหมายความว่า มิจำเป็นจะต้องชาร์จจากแท่นชาร์จของ Apple แค่นั้น แต่ก็จะมี AirPowerแท่นชาร์จไร้สายจาก Apple ออกมาขายในเร็ว ๆ นี้ซึ่งในเวลานี้สามารถใช้ยี่ห้ออื่นๆ ได้ ถึงกระนั้นแนะนำว่าควรจะเลือกรุ่นใหม่ที่รองรับ Fast Charge

 ตกลงว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สำหรับสาวก Apple ถึงแม้จะคงดีไซน์ตัวเครื่องเดิมตั้งแต่ iPhone 6 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2014 เอาไว้ แต่ก็มีดีเรื่องกล้อง โดยเฉพาะในโหมด Portrait Lighting ใน iPhone 8 Plus ที่คนชอบชักรูปน่าจะพึงใจการรวมกันของคุณลักษณะของกล้องถ่ายรูปที่ดี กับซอฟต์แวร์ที่ช่วยแต่งเติมแสงเงาในภาพได้มากหน้าหลายตาแบบตามความปรารถนา ทำให้ในระหว่างที่ออก ออกขายใหม่ ๆ ก็เป็นหนึ่งในกล้องโทรศัพท์มือถือที่ดีที่สุดในตลาดสมาร์ทโฟน
 
ส่วนหน้าจอที่น่าพึงพอใจบวกกับความไหลลื่นและคุณลักษณะสำคัญ ๆ ที่ไม่เป็นรองโทรศัพท์เคลื่อนที่ตัวตัวท็อปใด ๆ ในคราวนี้ก็ถือได้ว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่แพงไปนักเมื่อเปรียบกับ iPhone x แต่หากใครใช้ iPhone 7 ทั้ง 2 โมเดลอยู่แล้ว และจะเขยิบขึ้นมาเป็น iPhone 8 ทั้ง 2 โมเดลที่ชักชวนไปนั้น ก็แนะนำว่ารอไปอีกสักหน่อย เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่น่าจะทวีคูณมากกว่านี้อีกในรุ่นต่อไป

Tags : iPhone 8,iPhone 8 ราคา,ไอโฟน 8