สวัสดี บุคคลทั่วไป

iPhone 8 และ iPhone 8Plus อีกทางเลือกของความคุ้มราคา

  • 0 ตอบ
  • 245 อ่าน
แม้สมาร์ทโฟนตัวหลักของค่าย Apple ในศก 2017 ที่ผ่านมาก็คือ iPhone X ซึ่งมาพร้อมทั้งดีไซน์และคุณลักษณะแบบพรีเมี่ยมและเป็นแน่แท้ว่าราคาก็แพงอีกด้วย อย่างไรก็ดีหลายคนอาจจะลืมไปว่าในปีเดียวกัน ก่อนหน้านี้ iPhone X เปิดตัวแค่ 15 นาที iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็ออกมาแนะนำตัวให้สาวกค่าย Apple ได้รู้จักมักจี่กัน โดยต่อมาอาจจะเหมือนคือรุ่นที่ถูกหลงลืมก็เพราะว่ากระแสของ iPhone X แต่ทราบหรือเปล่าว่า iPhone 8 พร้อมด้วย iPhone 8 Plus ถึงแม้ว่าจะมีเค้าโครงหน้าตามิต่างไปจาก iPhone 7 และ iPhone 7Plus แต่ก็มีดีพอที่จะทำให้คนที่ไม่สามารถเป็นเจ้าของ iPhone X ในหลาย ๆ เหตุผล หันมาเป็นผู้ครอบครองได้ ข้าพเจ้าจักนำทุกท่านไปทำความรู้จักกับสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ให้ดีเพิ่มขึ้น
 
iPhone 8 กับ iPhone 8 Plus เปิดซื้อขายครั้งแรกวันที่ 22 กันยายน 2017 ในอเมริกาและจำหน่ายในบ้านเราวันที่ 3 พฤศจิกายนในปีเดียวกัน มีให้เลือกสองขนาด คือ iPhone 8 สัดส่วนหน้าจอ 4.7 นิ้ว และ iPhone 8 Plus สัดส่วน 5.5 นิ้ว ซึ่งทั้งสองรุ่น มีสัดส่วนตัวเครื่องเท่าๆ กับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus เลย สามารถใช้เคสเดิมมาสวมกันได้สีที่ไม่ให้เลือกก็คือ เทา สเปซเกรย์, สีเงิน และสีทอง โดยเป็นการทำสีเฉดใหม่เอี่ยมมีสมรรถนะในการกันน้ำ กันละออง เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามมีข้อแตกต่างตรงที่ iPhone 8 และ iPhone 8 Plus มีข้างหลังเป็นกระจก ทำให้สามารถชาร์จแบบไร้สายได้
 
 ในส่วนของความจุนั้น Apple ก็มีมาให้เลือกเพียงแค่ 2 ขนาด ได้แก่ 64 GB และ 256 GB ซึ่งคงเป็นเพราะว่าเป็นการที่ Apple จะกระจายสินค้าไปให้ผู้ซื้อได้อย่างทั่วถึงและรวดเร็วเพิ่มขึ้น จึงทำการลดรุ่นให้น้อยลง

 
 ถึงแม้ความละเอียดหน้าจอยังคงเท่ากับ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus แต่ รุ่นนี้ เพิ่มเติมการรองรับการแสดงผลแบบ True Tone ที่สามารถปรับเปลี่ยนอุณหภูมิสีจอให้ตรงกับสภาพแสงในเวลานั้น ทำให้หน้าจอดูเป็นธรรมชาติมากขึ้น
 
 ตัว CP ใช้ชิป A11 Bionic แบบ 6-Core แยกย่อยเป็น 4-Core ที่ศักยภาพสูง และอีก 2-Core ใช้ระยะเวลาที่เครื่องไม่ได้ทำงานหนักอะไร โดยใช้การทำงานได้อย่างลื่นไหล ที่น่าดึงดูดคือ รองรับ AR อย่างเต็มรูปแบบตลอดการทำงานในแอพพลิเคชั่นทั่วไปหรือเกม โดยชิป A11Bionic นี้เป็นชิปตัวเดียวกับที่อยู่ใน iPhone X ด้วย

 ในการเล่นเกมก็สามารถเล่นเกมทุกเกมที่ออกมาตอนนี้ได้อย่างลื่นไหลในภาพกราฟิกระดับดีเลิศ ยกตัวอย่างเกมรถแข่งอย่าง Need for Speed ที่ต้องใช้การ์ดจอ (GPU) ค่อนข้างเยอะ หรือไม่ก็ ROV ก็เล่นได้มิชะงัก

 กล้องได้พัฒนามาจาก iPhone 7 ทั้งสองโมเดล ถึงแม้จะยังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม กลับมีการเปลี่ยนแปลงเซ็นเซอร์ให้ใหญ่ขึ้น และพิกเซลที่เก็บรายละเอียดได้เพิ่มขึ้น ชักรูปในสภาพแสงน้อยได้ดีขึ้น ถ่ายภาพ มีโหมดพิเศษที่เพิ่มขึ้นมา ที่เรียกว่า "Portrait Lighting" เฉพาะกล้องคู่ของ iPhone 8 Plus เท่านั้น สามารถเลือกได้จากในโหมด ภาพบุคคล เดิม ที่ให้คุณเลือกสรรปรับแสงใบหน้าบุคคลได้มากถึง 5 แบบ กล้องด้านหน้า ความละเอียด 7MP/ f2.2 พร้อมด้วยไฟแฟลชจากจอ Retina HD

                 ในส่วนการถ่ายวิดีโอได้สูงสุดที่ 4K 60fps (Frame Per Second) ภาพการเคลื่อนที่ในวิดีโอที่ออกมาก็จะแลดูนุ่มนวล ตรงนี้ใครที่ใช้ iPhone รุ่นที่ผ่านมาจะมีตัวเลือก fps วิดีโอ 1080p จะมีตัวเลือก 30 กับ 60fps ส่วน 4K ก่อนหน้านี้มีแค่ 30fps) แต่เดี๋ยวนี้เราเลือกได้อิสระมากขึ้นว่าจะให้เป็น 24, 30 หรือ 60fps ในการถ่ายวิดีโอโหมดปรกติ ด้านการถ่ายวิดีโอแบบสโลว์โมชั่นมีตัวเลือก 720p 240fps, 1080p 120fps และ 1080p 240fps
 
 เทคโนโลยีชาร์จปราศจากสายที่เพิ่มเติมเข้ามาให้กับ ไอโฟน 8, 8 Plus (พร้อมกับ iPhone X) เป็นครั้งแรกนั้นรองรับกับวัสดุอุปกรณ์ชาร์จมาตรฐาน Qi ซึ่งหมายถึง ไม่จำเป็นจะต้องชาร์จจากแท่นชาร์จของ Apple อย่างเดียว แต่ก็จะมี AirPowerแท่นชาร์จปราศจากสายจาก Apple ออกมาจำหน่ายในเร็ว ๆ นี้โดยปัจจุบันนี้สามารถใช้ยี่ห้ออื่นๆ ได้ ถึงกระนั้นแนะนำว่าพึงเลือกรุ่นใหม่ที่รองรับ Fast Charge

 ตกลงว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus สำหรับสาวก Apple แม้จะคงออกแบบตัวเครื่องเริ่มแรกตั้งแต่ iPhone 6 ที่ออกมาตั้งแต่ปี 2014 เอาไว้ แต่ก็มีดีเรื่องกล้อง โดยเฉพาะในโหมด Portrait Lighting ใน iPhone 8 Plus ที่คนชื่นชอบฉายรูปน่าจะชอบใจการรวมกันของคุณลักษณะของกล้องถ่ายรูปที่ดี กับซอฟต์แวร์ที่ช่วยแต่งแสงเงาในภาพได้มากหน้าหลายตารูปแบบตามความปรารถนา ทำให้ในระหว่างที่ออก วางขายใหม่ ๆ ก็เป็นหนึ่งในกล้องถ่ายรูปโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ดีที่สุดในตลาดมือถือ
 
ส่วนหน้าจอที่งดงามผนวกกับความไหลลื่นและฟีเจอร์สำคัญ ๆ ที่ไม่เป็นรองโทรศัพท์เคลื่อนที่ตัวเรือธงใด ๆ ในในเวลานี้ก็ถือได้ว่า iPhone 8 และ iPhone 8 Plus ก็เป็นตัวเลือกที่ราคาไม่แพงไปนักเมื่อเทียบกับ iPhone x แต่หากใครใช้ iPhone 7 ทั้ง 2 โมเดลอยู่แล้ว และจะขยับขึ้นมาเป็น iPhone 8 ทั้ง 2 โมเดลที่ชักชวนไปนั้น ก็แนะนำว่ารอท่าไปอีกนิดหน่อย เพื่อความเปลี่ยนแปลงที่น่าจะเพิ่มขึ้นยิ่งกว่านี้อีกในรุ่นถัดไป

Tags : iPhone 8,iPhone 8 ราคา,ไอโฟน 8