สวัสดี บุคคลทั่วไป

โทรศัพท์ซัมซุง รุ่นใหม่

  • 0 ตอบ
  • 227 อ่าน
โทรศัพท์ซัมซุง รุ่นใหม่
« เมื่อ: มกราคม 01, 2019, 11:55:47 AM »
ย้อนกลับไปในศักราช 2001 มือถือได้เริ่มมีการจำหน่ายในวงกว้างแต่ทว่าเนื่องจากพัฒนาการของเทคโนโลยี ไม่ว่าจะเป็นฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ หรือเครือข่าย ยังไม่พร้อมต่อการใช้งานอย่างเคร่งครัดมากนัก ครั้นเมื่อบวกกับมูลค่าที่สูงเป็นปกติของเครื่องไม้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ชนิดใหม่ๆ ขณะนั้น มีผลกระทบให้มีลูกค้าโทรศัพท์มือถือไม่เท่าไหร่นักเมื่อเทียบกับท้องตลาดโทรศัพท์มือถือรวมทั้งหมด
 
 แม้กระนั้นกาลเวลาก็ผันแปรพร้อมกับความก้าวหน้าของเทคโนโลยีมาเรื่อยๆ กระทั่งถึงปัจจุบัน สมาร์ทโฟน กลับเป็นสาระสำคัญอีกอย่างหนึ่งในชีวิตของหลายๆ คน ฮาร์ดแวร์ ซอฟต์แวร์ และเครือข่ายต่าง ๆ ส่งเสริมให้ผู้ใช้งานหลาย ๆ ล้านคนได้สื่อสารและมีกิจกรรมอื่น ๆ บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้สบาย
 
 ในศักราช 2017 ยอดสุทธิส่งออกมือถือทั่วโลกอยู่ที่ 408 ล้านเครื่องโดยในไตรมาสที่ 3 ปี 2017 นั้นมือถือถูกซื้อขายไปรวบยอดโดยประมาณ 383 ล้านเครื่อง เพิ่มปริมาณจากปี 2016 โดยประมาณ 5% โดย 3 ลำดับของแบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดคือ 1. ซัมซุง ส่วนแบ่งการตลาด 21%,2. แอปเปิ้ล ส่วนแบ่งตลาด 12%และ 3. หัวเว่ย ส่วนแบ่งตลาด 10% พวกเราไปเจาะใจสถานการณ์ของแต่ละยี่ห้อกันเลย

 ท้ายปีที่ผ่านมา ซัมซุงเพิ่งเปิดเผยสถิติกำไรมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2017โดยผลกำไรสุทธิตั้งแต่ตุลาคมจวบจนถึงธันวาคมโดดไปแตะ 357,000 ล้านบาทแต่ดูเหมือนว่า ซัมซุงจะทุบสถิติลงอีกครั้งหลังจากพ้นไปแค่ 3 เดือน ครั้นเข้าสู่เดือนมีนาคม 2018โดยทำรายได้ราว 1.7 ล้านล้านบาทแล้ว

 
โดยถึงแม้ว่าเงินรายได้รวมใน3 เดือนแรกของปี 2018 นั้นจะต่ำกว่าไตรมาสสุดท้ายของปีที่ผ่านมา แต่กระนั้นด้วยค่าใช้จ่ายหลายอย่าง นั้นน้อยกว่า ทำให้ ซัมซุงสามารถสร้างผลกำไรได้เป็นสถิติใหม่ของบริษัทอีกครั้งที่ 14,600 ล้านเหรียญ เปลี่ยนเป็นเงินไทยที่ 450,000 ล้านบาท

แหล่งที่มาของกำไรที่เป็นสถิตินี้ ก็เป็นผลงานของสมาร์ทโฟนซัมซุง Galaxy S9 / S9+ ที่พ.ศ.นี้ย้ายมาวางขายเร็วขึ้น บวกกับความสำเร็จของ Galaxy A (2018) ที่เป็นโทรศัพท์ซัมซุงราคาไม่แพงที่ซื้อขายในหลายๆ ดินแดน และจอ OLED แต่ที่เป็นตัวทำรายได้สูงสุดจริงๆ นั้นเป็นชิป DRAM ที่สามารถทำกำไรได้สูงถึง 70% ของตลาด

 ด้านแอปเปิ้ลรายงานผลประกอบการของไตรมาสที่ 1 ตามปีการเงิน 2018 ของบริษัท (ตุลาคม-ธันวาคม 2017) ซึ่งเงินรายได้รวมสร้างสถิติใหม่สูงสุดในประวัติศาสตร์บริษัทอีกครั้ง 88,293 ล้านดอลลาร์ หรือ 2.83 ล้านบาท เพิ่มปริมาณ 13% จากเวลาเดียวกันในปีก่อน และมีเงินกำไรสุทธิ 20,065 ล้านดอลลาร์ หรือ 643,485 ล้านบาท ซึ่งก็เป็นสถิติใหม่บริษัทเหมือนกัน ด้านรายรับจากต่างประเทศนอกสหรัฐฯคิดเป็น 65% ของรายได้รวม

 3 เดือนที่ผ่านมาแอปเปิ้ลเริ่ม จำหน่าย iPhone X โดยคาดการณ์กันว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์หลักที่ทำเงิน แม้นจะมีข่าวโคมลอยออกมาไม่ดีนัก ซึ่งในรายงานผลประกอบการนั้นแอปเปิ้ลชี้แจงตัวเลขรวมของ iPhone ทั้งหมดว่าขายได้ 77.316 ล้านเครื่อง ลดน้อยลงจาก3 เดือนเดียวกันในปีก่อน 1% (78.290 ล้านเครื่อง)

 รายได้จาก iPhone ทุกรุ่นอยู่ที่ 61,576 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 13% (54,378 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.74 ล้านบาท)
                ที่น่าสนใจคือ iPhone X เป็นไอโฟนรุ่นที่ขายดีที่สุดของแอปเปิ้ลในทุกอาทิตย์ นับจากเริ่มต้นส่งมอบเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2017 และขายได้มากกว่าที่แอปเปิลคาดหวัง
 
 ทางด้านหัวเว่ยสรุปผลประกอบการรวมปี 2017 ยังคงมีรายรับที่ดีแตะ 9,250,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 296.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2016 ถึง 15.7% คิดเป็นดอกผลสุทธิ 730,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ หรือ 23.4 ล้านบาท พอกพูน 28.1% ในปีที่ผ่านมา

 ซึ่งในศักราช 2017 หัวเว่ยได้ให้โทรศัพท์เคลื่อนที่ทั้งสิ้น 153 ล้านเครื่อง (รวมแบรนด์ Honor ที่เป็นเจ้าของเดียวกัน) เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.9 จากปี 2016

 โดยครั้นปี 2016 CEO ของ หัวเว่ยเคยป่าวประกาศเอาไว้ว่า วัตถุประสงค์ของบริษัทคือการก้าวขึ้นไปเป็นบริษัทสมาร์ทโฟนยิ่งใหญ่อันดับ 1 ของโลกให้ได้ภายใน 5 ปี แม้กระนั้นทุกวันนี้ หัวเว่ยยังค่อนข้างมีปัญหาในการพยายามเจาะตลาดแถบอเมริกาเหนือ เหตุว่าฝั่งนั้นยังมีเจ้าตลาดอย่าง iPhone กำกับอยู่ ส่วนตลาดในฝั่งทวีปยุโรปนั้น หัวเว่ยทำได้สวยเลยทีเดียว ทั้งนี้เพราะมือถือเกรดไฮเอนด์ในซีรีส์ Mate และ P ได้รับความชื่นชมเป็นอย่างดี

 แม้ว่ายอดสรุป3 เดือนล่าสุดปี 2018 ของหัวเว่ยยังไม่ประกาศออกมา แต่ปี 2018หัวเว่ย ก็ตั้งใจไปที่การใช้งานเทคโนโลยีใหม่ในสเกลใหญ่ เช่น Internet of Thing, Cloud Computing, ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ 5G
 
 ในหลายปีที่ผ่านมาเครือข่ายไร้สาย 3G มีการใช้งานทั่วโลก หลายแว่นแคว้นมี 4G และปี2018 คาดว่าเป็นการเปิดฉากแห่งยุค 5G ซึ่งจะมีการใช้งานในพิธีเปิดกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ครั้งที่ 23 (พย็องชัง 2018) ที่เกาหลีใต้ เป็นการทดสอบสมรรถนะก่อนจะใช้อย่างเป็นทางการใน 2 ปีภายภาคหน้า
 
 การปรากฏตัวของโครงข่ายไร้สาย 5G ทำให้มีการคาดคะเนกันว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่จะเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดในชีวิตประจำวันยิ่งขึ้นไปอีกโดยจำเป็นต้องเฝ้ารอจับตามองดูว่าแบรนด์โทรศัพท์มือถือเหล่านี้จักใช้โอกาสนี้เป็นประโยชน์ได้มากเพียงใดในการเพิ่มยอดจำหน่ายและแย่งความเป็นที่ 1 ต่อไป

Tags : โทรศัพท์ซัมซุง,โทรศัพท์ซัมซุงราคา,โทรศัพท์ซัมซุง รุ่นใหม่