สวัสดี บุคคลทั่วไป

ประวัติศาสตร์สังคม Rock 'n' Roll ต้อง "Jim Marshall"

  • 0 ตอบ
  • 229 อ่าน
ประวัติศาสตร์สังคม Rock 'n' Roll ต้อง "Jim Marshall"
« เมื่อ: มกราคม 06, 2019, 02:13:11 AM »
                ถ้าหากคุณเป็นคนที่เคลิบเคลิ้มในเสียงดนตรี หรือว่าเสียงดนตรี มั่นใจว่าท่านจะต้องรู้จักมักจี่ยี่ห้อเครื่องเสียงยี่ห้อนี้เป็นอย่างดีแน่นอน เนื่องมาจากเป็นยี่ห้อที่ได้รับความชื่นชมขนานใหญ่ อาทิเช่น ลำโพง หูฟัง เครื่องกระจายเสียง และอื่นๆ อีกจำนวนมาก โดยเรื่องราวเรื่องราวของแบรนด์นี้ ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของตำนานสังคมดนตรีRock and Rollเลยก็ว่าได้ และแบรนด์ที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ก็คือ Marshall นั่นเอง ซึ่งประวัติของ Marshall นั้น จักมีภูมิหลังเช่นใดบ้าง พร้อมด้วยด้วยเหตุใดถึงได้มาเป็นแบรนด์สุดยอดขนาดนี้ อิฉันจักมาหาคำตอบกัน
                Marshall นั้น ได้จัดตั้งขึ้นโดย Jim Marshall ซึ่งจุดกำเนิดอยู่ที่การเป็นนักดนตรีมือเก่ามาก่อน โดยเล่นในตำแหน่งมือกลอง จากนั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงตนเองมาปฏิบัติงานธุรกิจร้านค้าขายเครื่องดนตรี และเครื่องมืออื่นๆ ซึ่งริเริ่มจากการทำการค้ากลองชุดพร้อมกับกีตาร์ในลอนดอนเขตแดน Hanwell ซึ่งผู้บริโภคส่วนใหญ่จะเป็นนักดนตรีเพลงRock and Roll ที่มีความโด่งดังในคราวนั้น อย่างเช่น ริตชี แบล็กมอร์ ไม่ก็เป็น พีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who นั่นอาจจะเป็นเหตุที่ทำให้มีผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น
                ตอนหลังก็เริ่มมีนักดนตรีดังๆ หลายคนต้องการแอมป์ หรือว่าเครื่องขยายเสียงสำหรับกีตาร์ที่มีขนาดใหญ่ อีกทั้งดังกว่าเดิม เพราะอุปสรรคที่พบส่วนมากค่อนข้างเป็นเรื่องความดังของเครื่องกระจายเสียงที่ไม่พอในการเล่นโชว์สดนั่นเอง Marshall จึงได้ตัดสินใจทดลองออกมาขาย และดันบรรลุผลขนานใหญ่ กลายเป็นการบอกเล่าปากต่อปาก กระทั่งคณะดนตรีหลายๆ วง ให้ความสนใจ Marshall จึงจัดหามาจัดการออกมาขายอย่างตั้งใจ พร้อมกับได้จัดตั้งบริษัทที่ชื่อว่า มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน ขึ้นณปี ค.ศ. 1962 นั่นจึงเป็นจุดเริ่มของยี่ห้อ Marshall อย่างถ่องแท้
                แอมป์กีตาร์รุ่นแรกที่ทำให้นักดนตรีทั้งหลายถูกใจ อีกทั้งยังเอื้อนเป็นเสียงเดียวกันว่าคือแอมป์กีตาร์ที่เสียงดีเลิศตามที่เคยมีมา (ในสมัยนั้นนะ) ก็คือรุ่น JTM 45 และถัดจากนั้นมาในปี ค.ศ. 1965 Marshall ก็ได้พัฒนาผลิตแอมป์ขนาด 100 วัตต์ พร้อมตู้ลำโพงขนาด 4x12 นิ้ว อีกหลายรุ่นตามออกมา จนได้รับความเชื่อใจจากมือกีตาร์สายบลูส์ สายร็อก จากวงโด่งดัง ระดับประวัติศาสตร์ตัวอย่างเช่น The Who, John Mayall and the Bluesbreaker, Led Zeppelin, Deep Purple รวมทั้ง AC/DC เป็นอาทิ
                และนั้นคือความยิ่งใหญ่ในช่วงเวลา 60 ของ Marshall ฉบับสรุป อย่างไรก็ตามครั้นระยะเวลาได้ล่วงพ้นเข้าสู่ยุคดิจิตอล แบรนด์ Marshall ที่คร่ำหวอดในกลุ่มเครื่องเสียงก็ได้ปรับปรุงและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าร่วมมือในการสร้างสินค้าเพื่อให้ทันยุค ทันสมัย และถูกต้องตามพระราชประสงค์ หรือตอบโจทย์ผู้ใช้เยอะขึ้น ภายใต้ชื่อ Marshall Headphone ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชนิดหูฟัง เพื่อให้ผู้ใช้ หรือสามัญชนทั่วไปให้ได้รับประสบการณ์การสดับตรับฟังเสียงดนตรีในสไตล์ของ Marshall รวมถึงผลิตภัณฑ์พวกลำโพงที่สามารถเชื่อมบลูทูธได้ โดยนั่นทำให้ Marshall ฮิตอย่างมากมายเช่นเดียวกัน ด้วยแนวเสียงที่ไม่เหมือนใคร อีกทั้งดีไซน์ที่ดูเป็นย้อนยุค คลาสสิค สละสลวย ซึ่งรุ่นหูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ที่น่ารู้ อีกทั้งจะแนะนำนั่นก็คือ หูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth และลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore โดยจักมีรายละเอียดปลีกย่อยดังต่อไปนี้
 
หูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth
                เป็นหูฟังไม่มีสายที่มีความคลาสสิคอยู่ภายในตัว ดีไซน์สวยงาม ดูดีมีสไตล์ ขนาดพอดีสามารถพับได้ ทำให้พกพาไปไหนต่อไหนได้ง่ายดาย มีการเชื่อมต่อโดยเร็วด้วย Bluetooth 4.0 แต่ทว่าสามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือต่างๆ ผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วยเหมือนกัน  สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 30 ชั่วโมงด้วยแบต Li-ion Polymer (680mAh) อีกทั้งกินเวลาชาร์จน้อยกว่า 4 ชั่วโมง โดยผ่าน Micro USB ส่วนของสุรเสียงก็ทำออกมาได้ดีสมกับเป็น Marshall เหตุด้วยเบสแน่นๆ เสียงร้องกระจ่าง มีเสียงแหลมที่ไม่บาดหู และเวทีเสียงที่สามารถแยกส่วนรายละเอียดของชิ้นดนตรีต่างๆ ได้อย่างดีเลิศ สมกับการเป็นสุดยอดประวัติศาสตร์แบรนด์เครื่องเสียง สายพันธุ์ร็อกจริงๆ ซึ่งหูฟังไร้สาย Marshall รุ่นนี้ ราคาจะอยู่ที่ไม่เลย 5,990 บาท
 
ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore
                เป็นลำโพงบลูทูธที่มีขนาดค่อนข้างจะใหญ่ที่ได้ออกจัดจำหน่ายเป็นเวลายาวนานแล้วเช่นเดียวกัน เสียแต่ว่าเรื่องของคุณภาพนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าแต่แรกเลย เป็นลำโพง Bluetooth 4.0 ที่ให้สุรเสียงที่คมชัดครบบริบูรณ์ ด้วยระบบชิป aptX ดีไซน์ด้วยไดร์ฟเวอร์ภายในทั้งสิ้น 3 ตัว อีกทั้งยังมี INPUT 4 ช่องทาง คือ Bluetooth, Optical, INPUT1 หรือว่าแจ็คขนาด 3.5 มม. พร้อมด้วย INPUT2 หรือ RCA ยิ่งไปกว่านี้ยังมีสมรรถภาพในการปรับน้ำเสียงทุ้มแหลมได้ด้วย ให้น้ำเสียงเสมือนท่านกำลังฟังเสียงดนตรีจากการบรรเลงดนตรีสดเลยก็ว่าได้ โดยลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore นี้จักมีความถูกที่ไม่เลย 15,900 บาท ถ้าเปรียบกับสุรเสียงที่ได้มา จัดว่าคุ้มค่ามากๆ
                นั่นคือทั้งหมดที่ทางกระผมได้ยกมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยเก่ากระทั่งถึงยุคปัจจุบันนั้น หมู่เรายังคงเห็นแอมป์กีตาร์ยี่ห้อ Marshall สัญชาติอังกฤษนี้เกือบทุกเวทีเลย รวมถึงหูฟัง และลำโพงที่นานัปการหลายรุ่นที่ไม่ว่าระยะเวลาจักพ้นไปยาวนานเพียงใด แต่ว่า Marshall ก็ยังดำรงความคลาสสิกตามแนวแบบ Marshall ไม่เคยเปลี่ยน

Tags : MARSHALL,marshall ราคา,หูฟัง marshall