สวัสดี บุคคลทั่วไป

รากเหง้า Huawei P Series

  • 0 ตอบ
  • 217 อ่าน
รากเหง้า Huawei P Series
« เมื่อ: มกราคม 07, 2019, 03:17:43 AM »
ถ้ากล่าวถึง Huawei พวก P Series ตัวแรกที่นึกถึงเลย ก็น่าจะหลบไม่พ้น Huawei P9 เนื่องมาจากช่วงที่เปิดตัวรุ่นนี้ออกมาครั้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2559 นับว่าเรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว ด้วยความเป็นกล้องคู่ที่ได้รับการประสานของเทคโนโลยีที่ร่วมพัฒนากับ LEICA จึงทำให้ Huawei P9 ที่สามารถถ่ายภาพที่มีรายละเอียดสูงได้อย่างงดงาม และยังได้รับความนิยมชมชอบอยู่ในทุกวันนี้ วันนี้ผมจะนำทางย้อนรอยเรื่องกล้องถ่ายภาพของ Huawei P9 อีกครั้ง ไปดูกันครับ
 
 Huawei P9 มีกล้องถ่ายภาพข้างหลัง 2 กล้องถ่ายภาพที่ทาง Huawei ได้ร่วมแรงร่วมใจกับทาง LEICA ซึ่งเป็นบริษัทกล้องดีกรีตำนานมาร่วมมือออกแบบกล้องถ่ายภาพให้กับทาง Huawei P9 โดยบริเวณกล้องถ่ายรูปข้างหลังจะมีข้อความกำกับไว้ว่า LEICA ซึ่งใต้ LEICA จะเขียนไว้ว่า Summarit H 1:2.2/27 APSH ซึ่ง Summarit เป็นการชี้ให้เห็นช่วงขนาดรูรับแสงของเลนส์ LEICA ส่วนเลขต่อท้าย 1:2.2 คือเลนส์มีรูรับแสงขนาด 2.2 และเลข 27 คือทางยาวโฟกัสเทียบเท่า 27mm ซึ่งถือเป็นระยะที่ให้มุมกว้างที่พอเหมาะเลยเชียว
 
 โดยกล้องถ่ายรูปตัวแรกของ Huawei P9 เป็นกล้องถ่ายภาพที่มีเซนเซอร์รับภาพสี (RGB) ในขณะที่กล้องถ่ายภาพตัวที่ 2 จะเป็นกล้องที่ใช้เซ็นเซอร์รับภาพขาว-ดำ (Monochrome) ซึ่งให้ภาพที่คมชัดกว่า สามารถรับแสงได้มากกว่าปกติ และการที่รับแสงได้มากกว่า นั่นหมายความว่าปริมาณ noise ที่น้อยกว่านั่นเอง จึงได้คุณภาพของไฟล์ภาพที่ดีกว่า แต่กล้องถ่ายภาพทั้งสองตัวก็มีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล ที่มีขนาดพิกเซล 1.25 ไมครอน, ไฟแฟลช LED แบบ Dual-Tone และระบบการโฟกัสภาพแบบ Hybrid Autofocus แบบเดียวกันเลย อีกอย่างแม้ว่าจะแยกเป็นกล้องถ่ายรูป RGB กับ กล้องถ่ายภาพ Monochrome แต่ว่ากล้องถ่ายรูปทั้งสองตัวจะทำงานร่วมกันอยู่แล้ว จึงทำให้ภาพที่ได้มีสีสัน และรายละเอียดปลีกย่อยในส่วนสีขาว-ดำชัดมากกว่าการถ่ายด้วยกล้องถ่ายภาพทั่วๆ ไป รวมถึงสามารถปรับโฟกัสหลังจากทำการถ่ายรูปได้ด้วยเช่นเดียวกัน

 ส่วนกล้องหน้ามีความละเอียด 8 ล้านพิกเซล รูรับแสง 2.4 ซึ่งก็ยังจัดว่ายังทำออกมาได้ดีทั้งที่จะไม่ใช่ LEICA แล้วก็ตาม และสามารถปรับระดับความฟรุ้งฟริ้งกิงก่องแก้ว หรือ Beauty Mode ได้ถึง 10 ระดับเลยทีเดียว ที่สำคัญคือกล้องถ่ายรูปหน้าของ Huawei P9 สามารถวัดแสงและชดเชยออกมาได้ค่อนข้างจะสว่าง หน้าตาขาวใส หากใครที่ชื่นชอบเซลฟี่ ก็ไม่ควรพลาด อีกทั้งยังสามารถถ่ายได้แม้ในที่แสงสว่างน้อย ก็ยังทำได้ดีอีกเช่นกัน เช่นท่านไปงานกินเลี้ยงยามค่ำคืน แต่อยากเซลฟี่ ท่านก็สามารถถ่ายได้ทุกทุกหนทุกแห่ง โดยไม่ต้องสอดส่ายหาแสงจากที่ใด เพราะว่าหน้าจอของ Huawei P9 จะส่องสว่างโดยทันทีที่ท่านลั่นชัตเตอร์ ซึ่งทำงานเหมือนแฟลชด้านหน้าเลยเทียว
 
 และถ้าเจาะลึกไปทีละโหมดการใช้งาน ก็คงจะเริ่มที่โหมดอัตโนมัติ ซึ่งเป็นโหมดที่ใช้งานง่ายที่สุด เนื่องจากแค่เพียงยก Huawei P9 ขึ้นมาแล้วกดชัตเตอร์แค่นั้น เหมาะกับคนที่ไม่ค่อยอยากปรับอะไรมาก หรือผู้ที่หัดถ่ายรูป แต่อยากได้รูปที่สวยงาม โหมดอัตโนมัติก็สามารถตอบโจทย์ส่วนนี้ได้ดี ถัดมาเป็นโหมดโปร เหมาะกับผู้ที่มีพื้นฐานการถ่ายรูปอยู่บ้าง ซึ่งท่านสามารถเลือก ISO / WB / Shutter Speed แต่ไม่สามารถปรับรูรับแสงได้ โดยตัวเครื่องจะกำหนดพื้นฐานที่ 2.2 และในโหมดโปรสามารถเลือกบันทึกภาพเป็นแบบ raw file ได้ด้วย ถ้าหากใครอยากนำไปแต่งในโปรแกรมต่างๆ ต่อ แต่ก็ไม่ได้มีอานุภาพในการแต่งเยอะมากมาย เหตุด้วยขีดจำกัดเรื่องขนาดเซนเซอร์นั่นเอง
 
 ถัดมาเป็นโหมดขาว-ดำ ในกล้อง Monochrome ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งสาระสำคัญเลยก็ว่าได้ เพราะว่าเป็นยี่ห้อแรกเริ่มที่มีกล้องสำหรับถ่ายขาวดำโดยเฉพาะซึ่งจะสามารถเก็บรายละเอียดความต่างแสง (Dynamic range) ได้มากกว่าถ่ายแบบสี ซึ่งได้ภาพที่คมชัด สวยงามมาก เหมือนยังกับมาจาก LEICA ซะเองเลย และอีกโหมดที่น่าสนใจคือ โหมด Wide Aperture ซึ่งเป็นโหมดหน้าชัดหลังเบลอนั่นเองซึ่งในโหมดนี้เป็นการเลียนแบบรูรับแสง ซึ่งสามารถปรับต่ำสุดได้ที่ F 0.95 และสูงสุดที่ F 16 ซึ่งคงจะทำได้ไม่ดีเหมือนกล้องถ่ายภาพใหญ่อย่าง DSLR เพราะว่ามีขนาด Sensor ที่เล็กกว่านั่นเอง แต่ก็ไม่ได้ทำออกมาจนขี้ริ้วขี้เหร่
 
 และโหมดสุดท้ายที่ไม่แนะนำไม่ได้ นั่นคือ โหมดถ่ายกลางคืน หรือว่า Night mode นั่นเอง ซึ่งถ้าหากว่าท่านมีขาตั้งอีกตัว ภาพที่ท่านจะได้นี่เทียบเท่ากล้องใหญ่ๆได้เลยนะ เพราะหากปราศจากขาตั้งกล้อง อาจทำให้ภาพสั่นไหวได้ และโหมดนี้ท่านสามารถเลือก ISO ได้สูงสุดที่ 1600 และ Shutter Speed เลือกเปิดได้นานถึง 32 วินาทีเลยทีเดียว แต่หากไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงอะไร ก็สามารถให้ระบบเลือกให้อัตโนมัติได้เลย
 
 นี่เป็นส่วนหนึ่งเท่านั้นของ Huawei P9 ซึ่งยังมีจุดเด่น สเปคการใช้งานต่างๆ ที่น่าศึกษาอีกเพียบ แต่อย่างที่กล่าวไปในข้างต้น ว่า Huawei เชื้อสาย P Series นั้น มีประเด็นสำคัญที่กล้องถ่ายภาพอยู่แล้ว ซึ่งหากใครที่ชอบการถ่ายภาพ และต้องการรูปถ่ายที่ค่อนข้างจะมีคุณภาพเทียมเท่ากล้องถ่ายรูปใหญ่ๆ แถมสามารถพกพาได้อย่างราบรื่นมากกว่าพกกล้องถ่ายรูปจริงๆ เสียอีก ก็ขอแนะนำเครื่องนี้เลย ซึ่งตอนนี้ Huawei P9 ราคาได้ลดลง ซึ่งเริ่มต้นเพียง 7,300 บาทเท่านั้น โดยแต่ละเว็บไซต์ หรือร้าน ราคาอาจจะต่างกันออกไป อย่างไรก็ลองตรวจสอบราคากันอีกครั้งนะขอรับกระผม
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : รีวิว Huawei P9

Tags : Huawei p9,Huawei p9 ราคา,รีวิว Huawei P9