สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายรูป VS กล้องถ่ายรูปโทรศัพท์มือถือ ถ้าหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วท่านจักเลือกสิ่งไร?

  • 0 ตอบ
  • 212 อ่าน
เมื่อสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มันน่าจำขึ้นใจจนจำต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นรูป และมันจักพิเศษขึ้นอีก เมื่อในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยให้คุณได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้อง" นั่นเอง ซึ่งในเวลานี้ ใครก็ตาม ต่างก็มีโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีกล้องถ่ายรูปพร้อมมาด้วย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน ไม่จำเป็นสะพายกระเป๋ากล้องใบใหญ่ ยิ่งกว่านั้นยังมีความชัดมิได้ต่างไปจากกล้องถ่ายรูป DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว อย่างไรก็ตามความจริงนั้นมันยังมีอะไรอีกมากหลายที่แตกต่างกันอยู่เพียบเลยเชียว
 
อย่างเช่นเรื่องเซนเซอร์ เนื่องจากกล้องจักมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องถ่ายภาพจากมือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าใด ก็จะเก็บแสงได้เหนือกว่า ได้รายละเอียดภาพที่มากกว่า มีมิติเหนือกว่า รวมถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างนานาประการมากกว่า เนื่องด้วยโทรศัพท์เคลื่อนที่สามารถทำได้ไม่ดีเท่ากล้องเท่าไรนัก พร้อมทั้งสิ่งเหล่านี้ยังมีผลกระทบต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยลด Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ ซึ่งครั้นเมื่อย้อนกลับมามาดูภาพจากกล้องสมาร์ทโฟนก็จะพบ Noise ยิ่งกว่าภาพจากกล้องถ่ายรูปทั่วไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องถ่ายรูปโทรศัพท์เคลื่อนที่เล็กกว่ากล้องทั่วไป
 
ต่อมาก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายภาพดีกว่ากล้องถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือ หากเป็นการซูมของกล้องถ่ายรูป คุณสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่ยี่ห้อมือถือที่จะมีคุณสมบัตินี้ เพราะภาพบางภาพ ก็จำต้องใช้การขยายแบบ Optical เพื่อให้ได้ความข้องเกี่ยวของสิ่งของบนภาพที่ดียิ่ง รวมถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ ก็เพราะว่าในโทรศัพท์เคลื่อนที่ของเจ้าอาจมีทั้งรูปภาพ เพลง ภาพยนตร์ หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาชัวร์ ถ้าหากเธอคิดว่าจะใช้กล้องมือถือถ่ายรูปเธอตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่พาแฟนเที่ยวตะลอน Universal Studios เพราะท่านคงจะไม่ต้องการมานั่งลบภาพถ่าย ลบบทเพลงโปรด หรือไม่ลิสภาพยนตร์โด่งดังของท่านหรอก แต่ถ้าหากยอมสะพายกล้องสักตัว พร้อมด้วยเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน แน่นอนว่าคุณได้ทั้งรูปถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของเธอแน่นอน
 
นั่นเป็นข้อมูลขั้นต้นว่าทำไมคุณถึงต้องยอมสะพายกล้องถ่ายรูปตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายภาพโทรศัพท์เคลื่อนที่ไว้ก่อน และอาจจะหยุดพักยาวๆ เลย หากได้รู้จักกับกล้องถ่ายรูปตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D ซึ่งก่อนหน้านี้จะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูประเด็นสำคัญ ๆ ของกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มค่าต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องถ่ายภาพโทรศัพท์เคลื่อนที่ไหม
 
กล้อง Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดๆที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่พอเหมาะของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจมิใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นเป็นอันดี ประเด็นสำคัญของกล้อง Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา ก็เพราะว่ากล้อง Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop โดยถ้าหากถ่ายด้วยความเร็วชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ในที่แสงสว่างน้อย โดยที่เธอไม่ต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วยซ้ำ แถมกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ ยังทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของคุณมิเป็นอุปสรรคอีกด้วย โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยทีเดียว ที่ถึงแม้ว่าจะถือด้วยมือ และมิได้มีอุปกรณ์เสริมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาสะดวก ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแบ่งย่อยเฟรมเพื่อให้บันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้อีกด้วย

 จะเห็นว่านี่แค่ข้อเด่นเรื่องเดียวของกล้องถ่ายภาพ Olympus OM-D E-M10 III ก็พิชิตกล้องถ่ายภาพโทรศัพท์เคลื่อนที่ขาดลอยแล้ว นอกจากนี้ยังมีคุณลักษณะต่างๆ อีกเยอะแยะเลยที่ยังไม่ได้กล่าวถึง อย่าง โหมดถ่ายภาพ Auto ที่ให้เธอปรับตั้งค่าตามที่คุณต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกมากมาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน เป็นต้น และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเพียบอยู่เช่นกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น และจุดหลักอีกอย่างของกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาสะดวกมาก ซึ่งมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้แค่ 362 กรัม เท่านั้นเอง ตัวนี้จึงสามารถลบคำดูถูกที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : olympus ราคา

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา