สวัสดี บุคคลทั่วไป

ตัดสินใจซื้อแอร์อย่างไร ให้เซฟเงินทองในกระเป๋าที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 237 อ่าน
ตอนสภาพอากาศมันร้อน มันก็เลยต้องค้นหาวิธีเพื่อมาหายอบอ้าวกันซะหน่อย คนถนัดรับประทาน ก็มองหาของกินกินดับร้อนกันไป แต่ว่าถ้าหากใครต้องการอากาศในบ้านไม่อบอ้าวดั่งนรก ก็น่าจะต้องพึ่งพา "แอร์" หรือว่า "เครื่องปรับอากาศ" นั่นเอง แต่ถ้าใช้แอร์ บางคนก็ต้องลำบากใจในประเด็นของค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะตามมาหลังจากนั้น แต่ว่าทุกคนจะมีเกณฑ์การซื้ออย่างใด เพื่อจะได้ทั้งของคุณภาพดี แล้วก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกเราจะควรจะพิจารณาถึงประเภทของเครื่องปรับอากาศจำเป็นต้องให้พอเหมาะต่อที่ตั้งรวมถึงการทำงาน โดยสมัยนี้นั้นมีหลายรูปแบบให้เลือกหา โดยแต่ละรูปแบบก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไป ถ้าหากตัดสินใจผิดนั้น ก็คงอาจจะมีผลต่อก่อให้เกิดโทษต่อแอร์ และยังส่งผลให้เสียพลังงานไปโดยใช่เหตุ จริงๆ แล้ว แล้วนั้น แอร์จะแบ่งออกเป็นหลากหลายหมวดหมู่ อย่างเช่น เครื่องปรับอากาศติดกำแพง, แอร์ตั้งพื้น, เครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน รวมทั้ง เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ ซึ่งแต่ละลักษณะ มีลักษณะอย่างไรบ้าง ไปดูกันก่อนดีกว่า
อันแรกเป็นเครื่องปรับอากาศติดกำแพง ซึ่งเครื่องปรับอากาศชนิดนี้ เป็นที่นิยมกันอยู่แล้ว หรือน่าจะต้องคุ้นเคยกันอยู่บ่อยๆ นั่นแหละ เพราะใช้งานที่หลากหลาย มีรูปลักษณ์การออกแบบที่ร่วมสมัย พร้อมด้วยก็มีสัดส่วนพอดี อีกทั้งยังทำให้ประหยัดพลังงาน รวมทั้งสามารถทำนุบำรุงสะดวก เพราะเครื่องปรับอากาศประเภทนี้ เหมาะสำหรับห้องสัดส่วนน้อย รวมทั้งบ้านเรือน หรือว่าคอนโดธรรมดา สามารถตรงใจต่อความมุ่งหมายในการทำงานได้แบบหลายแบบ
ถัดมาคือแอร์ตั้งพื้น โดยที่เครื่องปรับอากาศลักษณะนี้ถือเป็นประเภทที่มีการกระจายความเย็นฉ่ำได้มาก สามารถทำความเย็นได้แบบรวดเร็ว และทนทานต่อการทำงาน รวมถึงทนต่อฝุ่นควันอีกด้วย โดยที่รูปร่างของแอร์จะเป็นรูปแบบติดตั้งกับพื้น เหมาะกับห้องที่มีสัดส่วนใหญ่ โรงงาน หรือมีผู้คนหนาแน่น  ซึ่งแอร์ชนิดนี้จะทำงานใช้อึกทึก จึงทำให้เปลืองไฟฟ้ามากกว่าเครื่องปรับอากาศประเภทอื่นๆ
กลุ่มถัดมาคือแบบแอร์ติดฝ้าเพดาน ซึ่งลักษณะนี้จะคือแอร์ 4 ทาง ตัวเครื่องแอร์ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำทิ้ง สามารถติดตั้งด้านในฝ้าเพดาน ช่วยให้สามารถคงทรงความดูดีของห้องได้ดังเดิม ลดข้อจำกัดในการติดตั้ง โดยเหมาะสมกับห้องที่ต้องการในเรื่องความประณีต ทำให้ภายในบ้านประณีตเหมือนเดิม  อย่างไรก็ตามเครื่องปรับอากาศอย่างนี้มักมีราคามักจะสูงกว่าแอร์ลักษณะอื่นๆ
ส่วนแบบท้ายที่สุดคือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยแอร์แบบนี้จะไม่ค่อยซับซ้อนเหมือนกับกับอย่างก่อนหน้า ก็เพราะว่าแค่เพียงเสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย โดยที่แอร์ประเภทนี้ใช้งานได้เหมือนกันกับแอร์ที่อยู่อาศัยทั่วๆ ไป แต่ว่าไม่เหมือนประเภทอื่นก็ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ รวมถึงก็ไม่ต้องติดเข้ากับผนังด้วย เหมาะกับคนที่อยู่หอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม ทำนุบำรุงก็ง่ายดาย เหมือนเครื่องปรับอากาศธรรมดาเลย
ย้อนกลับมาที่เกณฑ์การตัดสินใจซื้อกันต่อ ถัดมาก็ควรจะซื้อขนาดแอร์ให้เหมาะกับพื้นที่ห้อง เพื่อที่ถ้าทราบขนาดห้องแล้วนั้น ทำให้สะดวกกับการเลือกขนาดของแอร์และการคิดค่า BTU นั่นเอง เพื่อให้พอเหมาะกับการทำงานและช่วย
ลดการใช้ไฟฟ้า เพราะว่าหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า BTU คืออะไร โดยมันคือ ขนาดทำความเย็นของแอร์ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit ซึ่ง 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง เพราะฉะนั้นการซื้อ BTU ย่อมมีความสำคัญ เพราะว่าจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังกับอายุการใช้งานของแอร์นั่นเอง หากเลือกเครื่องปรับอากาศที่มี BTU สูงเกินไป ก็ทำให้ทำงานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จะทำให้ศักยภาพภายในน้อยลง พร้อมกับยังส่งผลให้เกิดความชื้นภายในห้องมาก อาจทำให้ผู้อาศัยไม่สบาย หรือว่าไม่สบายได้ แล้วยังทำให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือว่าสมมติว่าตัดสินใจแอร์ที่มี BTU น้อยเกินไปก็จะส่งผลให้คอมเพรสเซอร์ทำงานตลอดเวลาและหนักจนเกินควร  เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้  ก็จะมีผลให้ทำให้แอร์ทรุดโทรมได้ง่าย รวมถึงเปลืองไฟฟ้าอีกด้วย
                ถัดไปจะเป็นแนวทางง่ายๆ เลยที่ใครเห็น ก็ต้องทำให้เลือกตัดสินใจแน่นอน นั่นก็คือ การซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เนื่องจากนั่นหมายความว่า คุณภาพในการใช้งานพลังงานที่คุ้มที่สุด ก็จะทำให้ประหยัดไฟฟ้าและประหยัดเงินได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา