สวัสดี บุคคลทั่วไป

ความไม่ประมาท (สมาธิ) :AO

  • 0 ตอบ
  • 250 อ่าน
ความไม่ประมาท (สมาธิ) :AO
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 07, 2019, 09:08:16 AM »
สติ หมายความว่า ความรำลึกได้ สมัครเอเย่นต์ufabet ความคิดขึ้นได้ ความไม่เผลอ ฉุกคิดขึ้นได้ การควบคุมจิตไว้ภายในธุระ หมายคือ อาการที่จิตระลึกถึงสิ่งที่จะทำจะกล่าวได้ คิดถึงสิ่งที่ทำคำที่บอกไว้แล้วได้ เป็นอาการที่จิตไม่หลงๆลืมๆ ยับยั้งยับยั้งใจได้ ไม่ให้ประมาทเผอเรอ คุ้มครองความเสื่อมโทรมพื้นฐานไตร่ตรองไม่บุ่มบ่าม เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ความไม่ประมาท
สติ ชอบธรรมมีอุปถัมภ์มากมาย เป็นทำให้ตื่นตัวอยู่เป็นประจำ เป็นเจตสิกประเภทหนึ่ง สตินั้นถ้าประยุกต์ใช้กับทางโลกทั่วๆไปก็ย่อมมีคุณประโยชน์พรั่งพร้อมอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นการงาน ความเกี่ยวเนื่องกับบุคคลอื่นๆการคิดอ่านย่อมเป็นระบบ จิตย่อมมีสมาธิสำหรับการทำกิจการงานอะไรก็แล้วแต่อารมณ์ชอบปกติ ไม่ค่อยโกรธ เครียด หรือร้อนใจอะไรมากมายๆกล่าวโดยรวมเป็นย่อมช่วยเหลือชีวิตประจำวันทางโลกได้อย่างยอดเยี่ยมซึ่งมีคุณประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจน หากทราบเนืองๆมากมายๆเข้าจนถึงเป็นมหาสติ ก็จะได้ประโยชน์จากทางธรรมด้วย การที่พวกเรามีสติสัมปชัญญะอยู่เนืองๆรู้สึกตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง ทำอย่างต่อเนื่องกันเป็นเวลานาน ก็เพื่อสติเกื้อหนุนต่อการ “มองเห็นข้อเท็จจริง” เรื่องจริงนี้เป็นสิ่งที่ใกล้ตัวที่สุดก็คือกายกับดวงใจจุดมุ่งหมายของการทราบก็เพื่อมองเห็นข้อเท็จจริง อันดังเช่นว่าไม่แน่นอน ทุกขัง อนัตตา ว่ากายและก็หัวใจของพวกเรานั้นเป็นสิ่งไม่เที่ยง กังวล และไม่ใช่ตัวเรา
สติ เป็นคุณธรรมที่เกิดเองมิได้ จำเป็นต้อง ก่อให้เกิดขึ้นด้วยการฝึกซ้อมเก็บรวบรวมจิตใจให้แน่นิ่งวด้วยแนวทางต่างๆดังเช่นการก้าวหน้าวิปัสสนาเป็นการฝึกฝนตามมหาสติปัฏฐานสูตร ตั้งสติ สวดมนต์ไหว้พระ ภาวนาเป็นให้มีความรู้สึกตัวผ่านประสาทสัมผัสอีกทั้ง 6
สติ มีใช้ในอีกหลายความหมาย เป็นต้นว่า ระบุทราบ ใส่ใจทราบ รำลึกทราบ สัมผัสทราบ รู้ตัว แล้วก็อื่นๆที่ใช้ในความหมายแนวทางการทำความระบุรู้ตัวในขณะนี้ต่อผัสสะใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นมาเพื่อระบุทราบเฉพาะหน้า ให้ทันต่อสัมผัสตามความจริงต่อสิ่งที่ปรากฏขึ้นมา ให้จิตมีอิสรภาพต่อสิ่งที่มากระทบในฐานะเป็นเพื่อผู้เฝ้าทราบนิ่ง ด้วยการเพิ่มการรับทราบทางประสาทสัมผัส โดยลดการคิดคิดแต่งความรู้สึกอื่นๆ
สติใช้เพื่อรู้ทันในสังขาร 3 สมัครเอเย่นต์tndbet

รู้ทันสำหรับในการขยับเขยื้อน(กายสังขาร) ในอันที่จะการผลิตบาปอะไรก็แล้วแต่โน่นเป็นศีล
รู้ทันในอารมณ์ที่แต่งจิต(จิตสังขาร) จนถึงจิตเป็นอิสระจากอารมณ์ นี่เป็นสมาธิ

รู้ทันความนึกคิดทั้งหลายแหล่(ใจสังขาร) ว่าความคิดเป็นเหตุสำเร็จไหม(โยนิโสมนสิการ) นี้เป็นสติปัญญา