สวัสดี บุคคลทั่วไป

ราคาโทรศัพท์กับการตรวจดูมือถือ สิ่งที่ควรทำเมื่อได้โทรศัพท์ใหม่

  • 0 ตอบ
  • 299 อ่าน
ราคาโทรศัพท์ในปัจจุบันมีราคาแพงมากยิ่งขึ้น เมื่อเทียบกับแต่ก่อน นั่นอาจเกิดจากว่า ฟังก์ชั่นที่ตอบสนองต่อสิ่งที่มีความต้องการของผู้ใช้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ วัสดุที่ใช้ทำตัวเครื่องต่างๆ นำมาซึ่งการทำให้สมาร์ทโฟนนั้นแพงมากเพิ่มขึ้น รวมทั้งถึงคุณจะไปเลือกซื้อโทรศัพท์กับร้านค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานตาม shop โทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อให้มั่นใจว่า โทรศัพท์ที่คุณซื้อมานั้นจะมีคุณภาพมาตรฐาน และใช้งานได้จริงตามที่คุณปรารถนา แต่อย่างไรก็ดีเมื่อซื้อมาและต้องตรวจดูกันหน่อยว่า เครื่องที่ซื้อมานั้นมีตำหนิร่องรอยที่น่าสงสัยหรือไม่ ซึ่งวันนี้พวกเราจะมาวิเคราะห์ความผิดปกติของโทรศัพท์เคลื่อนที่ไปพร้อมกัน

ก่อนที่จะคุณนั้นจะซื้อโทรศัพท์มือถือมานั้น คุณจะต้องมีการเช็คราคามือถือก่อนอยู่แล้ว เนื่องจากว่าพวกเราต้องคิดถึงงบประมาณที่พวกเรามีก่อน แล้วจึงไปดูในเรื่องของรุ่นและแบรนด์ของโทรศัพท์เคลื่อนที่กัน แล้วก็พอซื้อมาก็จำเป็นต้องมาตรวจเช็คกันอีกรอบ โดยเริ่มจาก

9 วิธีที่คุณจำเป็นต้องเช็คโทรศัพท์ก่อนเปิดใช้งาน

1.เช็คสภาพกล่อง
เป็นหลักการในเบื้องต้นสำหรับเพื่อการเช็คเลย โดยคุณจำเป็นต้องดูก่อนว่ามีสภาพเป็นอย่างไร มีร่องรอยฉีกขาด มีคราบเปื้อนน้ำมันไหม แล้วก็ถุงซีลนั้นจำเป็นต้องอยู่ในสภาพสมบูรณ์ด้วย

2.สำรวจเครื่องมือข้างในกล่อง
คุณควรจะดูที่ข้างกล่องก่อน ว่าในกล่องมีอะไรบ้าง รวมทั้งตรวจทานตามนั้น โดยในกล่าองอาจมี สายชาร์จ หูฟัง และปลั๊กต้องเป็นของใหม่ รวมทั้งจะต้องมีคู่มือ และใบรับรับรองต่างๆ ที่สำคัญต้องมีแบตเตอรี่ด้วย โดยตัวแบตนั้นจะต้องไม่มีรอยถลอกหรือขีดข่วนด้วย โดยเฉพาะตรงส่วนที่เป็นทองแดง

3.สภาพตัวเครื่อง รอบตัวเครื่องควรต้องปราศจากร่องรอยใดๆ กระทั่งรอยแมวข่วนก็ไม่สมควรมีให้เห็น และอย่าลืมลองกดปุ่มต่างๆที่อยู่บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ว่า ยังสามารถกดได้หรือไม่ แล้วก็ปฏิบัติตามคำสั่งเบื้องต้นได้หรือเปล่า ตัวอย่างเช่น กดปุ่มโฮม แล้วมันกลับมาจอหรือเปล่า หากไม่กลับมาตามคำสั่งจะได้โทรหาทางร้านค้าว่า โทรศัพท์อาจมีปัญหา หรือให้ทางร้านดูให้ เพราะราคาโทรศัพท์ ที่ซื้อมานั้นก็ไม่ใช่ถูกๆถ้าเกิดเครื่องใช้การไม่ได้จริงๆ แล้วต้องรอแบบนี้แย่เลย
 
 
4.เช็คฟิล์มกันรอยจอ
มือถือที่ซื้อใหม่แกะกล่องจากโรงงาน ทุกเครื่องไม่ว่าจะถูกหรือแพงขนาดไหน ควรมีฟิล์มกันรอยติดมาให้แล้วเสมอ ให้เราพิจารณาฟิล์มกันรอยว่ายังติดอยู่ในสภาพปกติ ไม่มีฟองน้ำ หรือฝุ่นผงติดอยู่ข้างในมากจนถึงแตกต่างจากปกติ เนื่องจากหากมีแสดงว่าอาจมีการนำเครื่องออกมาจากกล่อง เป็นต้น

5.เปิดเครื่อง
อย่างแรกที่ควรทำหลังจากเปิดเครื่อง และเช็คปุ่มต่างๆ เรียบร้อยแล้วหลังจากนั้นก็คือ เช็ค dead หรือ bright pixel ซึ่งเป็นความผิดปกติของจอ ไม่สามารถที่จะแสดงผลลัพธ์ได้ตามปกติ โดยเรามีวิธีเช็คดังนี้ ให้คุณนั้นเข้าเมนูโทรศัพท์มือถือแล้วก็กด*#0*# เพื่อเทสตัวเครื่องหลังต่อจากนั้นเลือกสีแดง เขียว รวมทั้งฟ้า และการกดปุ่มเทสนี้ยังสามารถตรวจดูระบบสั่น, กล้องหน้าและหลัง, ลักษณะการทำงานของเซ็นเซอร์ต่างๆ, ลำโพง, และก็อื่นๆ ราคาโทรศัพท์ที่แพงๆก็มาจากฟังก์ชั่นต่างๆพวกนี้นี่แหละ เพราะถ้าเกิดฟังก์ชั่นไม่มากมาย ความจำเครื่องน้อยถ่ายภาพไม่สวย คงราคาถูก

6.เช็คการใช้งานโทรศัพท์และการเชื่อมต่อต่างๆ
เมื่อใส่ซิมแล้ว ต่อไปให้ทดลองโทรออก หรือโทรเข้าเพื่อทดสอบสัญญาณ ไมค์ รวมทั้งลำโพงพูดคุย ว่ายังสามารถใช้งานได้ปรกติดีไหม รวมถึงเช็คสัญญาณอินเทอร์เน็ตว่าปกติดีไหม สามารถเชื่อมต่อผ่าน Wi-Fi, Bluetooth, NFC ได้หรือเปล่า

7.เลข IMEI จะต้องตรง
เราสามารถเช็คเลขลำดับ IMEI (อีมี่) ได้โดยการไปยังหน้าโทรออก แล้วกด*#06# ซึ่งหมายเลขนี้จำเป็นที่จะต้องตรงกับข้างกล่อง ถ้าไม่ตรงมีความหมายว่าเป็นเครื่องเลียนแบบ

8.ถามประเด็นการรับประกัน
อันดับแรกในการซื้อมือถือ คุณอาจจะเริ่มจากการถามราคาโทรศัพท์ก่อนจนกระทั่งไปถึงการเลือกรุ่น แบรนด์ และก็เลือกร้านขายของที่จะซื้อ พอได้มาก็จำเป็นต้องมาตรวจเช็คเครื่องของคุณเหตุว่า มีความผิดปกติอะไรเกิดขึ้นบ้าง เพื่อเป็นการสำรวจกับทางร้านไปในตัวว่า ร้านนี้ย้อมแมวขายเครื่องให้ท่านหรือไม่ เป็นเครื่องจริงหรือไม่จริง ราคาโทรศัพท์ที่จำต้องจ่ายตามจริงหรือเปล่า เนื่องจากว่า เสียเงินแล้ว พวกเราก็ไม่อยากที่จะให้เกิดปัญหาจนเสียความรู้สึกอีก ด้วยเหตุผลดังกล่าวพอได้เครื่องมาให้คุณนั้นตรวจเช็คทุกครั้ง รวมไปถึงการรับประกัน ซึ่งโดยพื้นฐานของอุปกรณ์กลุ่มนี้ บางตัวแทนขายจะมีการรับประกัน "เปลี่ยนเครื่องใหม่" ภายใน 7 หรือ 14 วันหลังจากซื้อ เมื่อผู้ใช้ประสบปัญหาสามารถนำมาเปลี่ยนเครื่องใหม่ได้โดยทันที ตามเงื่อนไขของแต่ละบริษัทกำหนด แต่โดยส่วนใหญ่จะมีการรับประกัน 1 ปีอยู่แล้ว
 
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : เช็คราคามือถือ

Tags : ราคาโทรศัพท์,เช็คราคามือถือ,ราคามือถือ