สวัสดี บุคคลทั่วไป

ประวัติศาสตร์แวดวง Rock and Roll ต้อง "Jim Marshall"

  • 0 ตอบ
  • 220 อ่าน
ประวัติศาสตร์แวดวง Rock and Roll ต้อง "Jim Marshall"
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 22, 2019, 05:20:01 AM »
                หากท่านเป็นคนที่ตกหลุมรักในเสียงเพลง หรือเสียงดนตรี เชื่อว่าท่านจะต้องรู้จักมักจี่แบรนด์เครื่องเสียงแบรนด์นี้เป็นอย่างดีแน่นอน เพราะเป็นแบรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างเต็มที่ อย่างเช่น ลำโพง หูฟัง เครื่องขยายเสียง และต่างๆ อีกนานาประการ ซึ่งเรื่องราวความเป็นมาของแบรนด์นี้ ถือได้ว่าเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์สังคมดนตรีRock 'n' Rollเลยก็ว่าได้ และแบรนด์ที่กำลังพูดถึงอยู่นี้ก็คือ Marshall นั่นเอง โดยเรื่องราวของ Marshall นั้น จะมีเรื่องราวอะไรบ้าง พร้อมทั้งด้วยเหตุใดถึงได้มาเป็นยี่ห้อสุดยอดปานฉะนี้ ดีฉันจะมาค้นหาคำตอบกัน
                Marshall นั้น ได้จัดตั้งโดย Jim Marshall ซึ่งจุดเริ่มต้นอยู่ที่การเป็นนักดนตรีมือโปรมาก่อน ซึ่งเล่นในตำแหน่งมือกลอง สืบมาก็ได้ผันตัวเองมาทำธุรกิจร้านขายเครื่องดนตรี และเครื่องไม้เครื่องมือมากมาย โดยริเริ่มจากการจำหน่ายกลองชุดพร้อมกับกีตาร์ในลอนดอนอาณาบริเวณ Hanwell ซึ่งผู้ใช้ส่วนมากจักเป็นนักดนตรีเพลงRock and Roll ที่มีความเด่นในยุคนั้น อย่างเช่น ริตชี แบล็กมอร์ ไม่ก็เป็น พีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who นั่นอาจเป็นเหตุผลที่เป็นเหตุให้มีผู้ซื้อมากขึ้น
                แล้วก็เริ่มมีนักดนตรีโด่งดัง หลายคนอยากได้แอมป์ หรือว่าเครื่องกระจายเสียงสำหรับกีตาร์ที่มีขนาดใหญ่ พร้อมทั้งดังกว่าเดิม ด้วยเหตุว่าตัวปัญหาที่ประสบส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องความดังของเครื่องกระจายเสียงที่ไม่พอในการเล่นแสดงสดนั่นเอง Marshall จึงได้ตัดสินใจลองทำออกมาจำหน่าย และดันได้ผลเหลือเกิน กลายเป็นการบอกปากต่อปาก จนกระทั่งคณะดนตรีหลายๆ วง สนใจ Marshall จึงได้สร้างออกมาจำหน่ายอย่างเอาจริงเอาจัง อีกทั้งได้ก่อตั้งบริษัทที่ชื่อว่า มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน ขึ้นณปี ค.ศ. 1962 นั่นจึงเป็นแหล่งกำเนิดของยี่ห้อ Marshall อย่างถ่องแท้
                แอมป์กีตาร์รุ่นแรกที่ทำให้นักดนตรีทั้งหลายนิยมชมชอบ ยิ่งกว่านั้นยังพูดคือความเห็นเดียวกันว่าเป็นแอมป์กีตาร์ที่น้ำเสียงยอดเยี่ยมตามที่เคยมีมา (ในยุคนั้นนะ) ก็คือรุ่น JTM 45 และถัดไปมาในปี ค.ศ. 1965 Marshall ก็ได้พัฒนาสร้างแอมป์ขนาด 100 วัตต์ พร้อมกับตู้ลำโพงขนาด 4x12 นิ้ว อีกหลายรุ่นตามออกมา จนได้รับความวางใจจากมือกีตาร์แนวบลูส์ แนวร็อก จากวงดังๆ ระดับประวัติศาสตร์เช่น The Who, John Mayall and the Bluesbreaker, Led Zeppelin, Deep Purple รวมทั้ง AC/DC เป็นต้น
                และนั้นคือความยิ่งใหญ่ในช่วงเวลา 60 ของ Marshall อย่างรวบรัดตัดความ อย่างไรก็ดีเมื่อยุคสมัยได้ล่วงพ้นก้าวเข้าสู่ยุคดิจิตอล ยี่ห้อ Marshall ที่เชี่ยวชาญในสังคมเครื่องเสียงก็ได้พัฒนาและหยิบยกเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าร่วมในการผลิตสินค้าเพื่อให้ทันยุค ทันสมัย พร้อมทั้งแม่นยำตามความหวัง หรือตอบโจทย์ผู้ใช้เพิ่มขึ้น ภายใต้ชื่อ Marshall Headphone ที่เป็นผลิตภัณฑ์จำพวกหูฟัง เพื่อให้ลูกค้า หรือว่ามนุษย์ธรรมดาให้ได้รับประสบการณ์การรับฟังเสียงเพลงในแบบของ Marshall รวมถึงสินค้าประเภทลำโพงที่สามารถต่อบลูทูธได้ ที่นั่นทำให้ Marshall ได้รับความนิยมอย่างเหลือเฟือเช่นกัน ด้วยแนวเสียงที่ไม่เหมือนใคร และการออกแบบที่ดูเป็นย้อนยุค คลาสสิค สละสลวย โดยรุ่นหูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ที่น่าดึงดูด พร้อมทั้งจักแนะนำนั่นก็คือ หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth และลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore ซึ่งจะมีรายละเอียดปลีกย่อยดังต่อไปนี้
 
หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth
                คือหูฟังไม่มีสายที่มีความคลาสสิกอยู่ในตัว ออกแบบสวยงาม งามตามีสไตล์ ขนาดเล็กสามารถพับได้ ทำให้พกติดตัวไปไหนต่อไหนได้ง่าย มีการต่อโดยด่วนด้วย Bluetooth 4.0 อย่างไรก็ดีสามารถใช้ร่วมกับเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วยเหมือนกัน  สามารถใช้งานได้ยาวนานถึง 30 ชั่วโมงด้วยแบตเตอรี่ Li-ion Polymer (680mAh) และกินเวลาชาร์จต่ำกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งผ่าน Micro USB ส่วนของสำเนียงก็ทำออกมาได้ดีสมกับเป็น Marshall เพราะเบสแน่นๆ เสียงร้องชัด มีเสียงแหลมที่ไม่ขัดหู และเวทีเสียงที่สามารถแยกแยะรายละเอียดปลีกย่อยของชิ้นดนตรีต่างๆ ได้อย่างดีเยี่ยม สมกับการเป็นสุดยอดตำนานแบรนด์เครื่องเสียง สายพันธุ์ร็อกโดยแท้จริง โดยหูฟังไร้สาย Marshall รุ่นนี้ มูลค่าจักอยู่ที่ไม่มากเกิน 5,990 บาท
 
ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore
                คือลำโพงบลูทูธที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ที่ได้ออกจัดจำหน่ายเป็นเวลายาวนานแล้วเหมือนกัน เสียแต่ว่าเรื่องของคุณภาพนั้นมิได้แย่ไปกว่าแต่ก่อนเลย เป็นลำโพง Bluetooth 4.0 ที่ให้เสียงที่คมชัดครบถ้วนบริบูรณ์ ด้วยระบบชิป aptX ออกแบบด้วยไดร์ฟเวอร์ข้างในทั้งหมด 3 ตัว รวมถึงยังมี INPUT 4 ช่องทาง คือ Bluetooth, Optical, INPUT1 หรือว่าแจ็คขนาด 3.5 มม. อีกทั้ง INPUT2 หรือ RCA ยิ่งไปกว่านี้ยังมีความสามารถในการปรับเสียงทุ้มแหลมได้อีกด้วย ให้น้ำเสียงเสมือนท่านกำลังฟังบทเพลงจากการเล่นดนตรีสดเลยก็ว่าได้ ซึ่งลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore นี้จักมีความถูกที่ไม่เกิน 15,900 บาท ถ้าเทียบกับสุรเสียงที่ได้รับ ถือว่าคุ้มมากๆ
                นั่นคือทั้งหมดที่ทางอีฉันได้ยกมาฝากกันในวันนี้ โดยจะเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยเก่าจนกระทั่งทุกวันนี้นั้น ชาวเรายังคงเห็นแอมป์กีตาร์ยี่ห้อ Marshall เชื้อชาติอังกฤษนี้เกือบทุกเวทีเลย รวมทั้งหูฟัง และลำโพงที่จำนวนมากหลายรุ่นที่ไม่ว่ากาลเวลาจักล่วงเลยยาวนานแค่ไหน แต่ Marshall ก็ยังดำรงความคลาสสิคตามสไตล์แบบ Marshall ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

Tags : MARSHALL,marshall ราคา,หูฟัง marshall