สวัสดี บุคคลทั่วไป

LED TV เป็นอย่างไร มีกี่ประเภท

  • 0 ตอบ
  • 318 อ่าน
LED TV เป็นอย่างไร มีกี่ประเภท
« เมื่อ: กุมภาพันธ์ 24, 2019, 01:48:57 AM »
หลายๆคนบางครั้งก็อาจจะได้ ยินคำว่า แอลอีดี ค่ะ คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเป็นหลอดไฟ ซึ่งก็แน่นอนค่ะเป็นความเข้าใจที่ถูกต้องแล้ว แอลอีดี ย่อมาจาก Light Emitting Diode ซึ่งเป็นแหล่งเกิดแสง เรียกว่า จิ๋ว{แต่|แต่ว่าแจ๋ว ทั้งที่หลอดเล็กแต่ให้พลังงานไฟสูงนั่นเองค่ะ หลอดLEDเป็นตัวแหล่งกำเนิดแสง และก็มี Liquid Crystal เป็นผลึกแข็งกึ่งเหลว มี 3 สีก็คือ สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว Hybrid ตัวเป็นองศาเพื่อให้แสงจากหลอดแอลอีดีส่งลอดผ่านออกมาเป็นสีสันต่างๆนั่นเอง ในส่วนของ LED TV ก็คือทีวีที่แปลงจากการใช้หลอด ccfl มาเป็นหลอดไฟ แอลอีดี ซึ่งหลอด ccfl ก็คือ LCD TV นั่นเองจ้ะ 


ประสิทธิภาพของทีวีแอลอีดีจิ๋วแต่แจ๋ว


มาดูกันที่เรื่องของความสามารถของ LED TV กันบ้างค่ะ อย่างที่บอกจ้ะว่าทีวีประเภทนี้เป็นโทรทัศน์ที่ใช้หลอดเล็ก แต่ประสิทธิภาพคับแก้วในหลายๆแง่ อาทิเช่น ความสว่าง ระดับ 8 สีสันระดับ 9 ระดับสีดำระดับ 9 อัตราการกินไฟระดับ 10 ความบางระดับ 9 ระดับราคาระดับโลก ก็เลยถือได้ว่าเป็นราคาที่ถูกกว่าในรุ่น LCD TV จ้ะในเรื่องของความคุ้มราคาถึงแม้ว่าเครื่องจะแพงกว่าแต่ว่าโดยรวมแล้วค่าไฟฟ้าในระยะยาวถูกกว่ามากเลยทีเดียวนะค่ะ ว่ากันว่าคุณภาพของทีวีแอลอีดีอยู่ที่ระดับ 9 เต็ม 10 นั่นเองค่ะ
คุณลักษณะที่ทำให้หลอดแบบแอลอีดี สามารถให้แสงสว่างได้ดีมากว่า โดยที่ใช้ไฟน้อยกว่านั้นก็คือLED เป็นแหล่งเกิดไฟที่มีคุณภาพ และที่สำคัญด้วยขนาดหลอดที่เล็กทำให้ LED TV มีความบางกว่า TV โดยธรรมดาที่ใช้หลอด ccfl Black Light แม้ว่าราคาของตัวเครื่องทีวีแอลอีดีจะสูงมากยิ่งกว่าทีวี LCD แต่ในเรื่องของอัตราการกินไฟนับได้ว่าถูกกว่ามากๆ ด้วยเหตุผลดังกล่าวในระยะยาวจัดว่าคุ้มมากๆเลยทีเดียวล่ะจ้ะ
ประเภทของ LED TV

1. EDGE LED เป็นทีวีแอลอีดีชนิดที่วางหลอดแอลอีดีไว้ตามขอบของโทรทัศน์ค่ะ ทั้งในส่วนของขอบบนขอบล่าง ขอบซ้ายขอบขวาของโทรทัศน์ ซึ่งแสงสว่างจากขอบพวกนี้ก็จะยิงเข้ามาตรงกลางจอทีวีซึ่งมีจุดเด่นตรงที่ว่ามีความบางมากยิ่งกว่า LCD TV โดยธรรมดา เนื่องจากว่าหลอดLEDจะอยู่แค่ด้านข้างค่ะ ส่วนอีกประเด็นก็คือการประหยัดไฟอย่างแน่นอนอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่หน้าจอชนิดนี้ก็จะมีข้อเสียอยู่บางส่วนเมื่อเทียบกับแอลอีดีแบบLED คือไม่สามารถทำ Local dimming หรือที่เรียกว่าเปิดปิด


 
2. FULL LED ชนิดที่ 2 นี้พวกเราเรียกว่า Full LED ซึ่งจะมีการวางหลอดแอลอีดีเป็นแผงอยู่ด้านหลังของหน้าจอจ้ะ ซึ่งบางคราวก็จะเรียกว่า Direct LED ด้วยการที่มีหลอดไฟอยู่ทางข้างหลังเป็นแผงคอยล์ให้กำเนิดแสงสว่างจะมีข้อดีของโทรทัศน์ประเภท Full LED แบบนี้ก็คือสามารถ ทำ Local dimming หรือกระทำเปิดปิดหลอดแอลอีดีเป็นกรุ๊ปหรือเฉพาะจุดได้อย่างอิสระ ยกตัวอย่างเช่น ด้านซ้ายเป็นสีดำ ทางขวาเป็นสีขาวหลอดไฟ แอลอีดี แบล็คไลท์บริเวณทางด้านซ้ายก็จะปิดเพื่อทำให้สีดำที่อยู่บริเวณทางซ้ายจอนั้นดำสนิทนั่นเองและในกลุ่มของLEDแบล็คไลท์ด้านขวาก็จะเปิดขึ้นเพื่อให้แสงสว่างสามารถลอดออกมาเป็นสีขาวได้ค่ะ มีข้อดีก็จะต้องมีจุดอ่อนอยู่เช่นกันค่ะ แต่ว่าเป็นเพียงจุดด้อยแค่นิดหน่อยเพียงเท่านั้นก็คือ ความหนาของตัวเครื่องที่มีมากกว่าประเภทแรกนั่นเอง เพราะเหตุว่าการที่จะจะต้องใช้หลอดไฟหลายตัวไว้ข้างหลังของจอภาพทำให้ทีวีทำให้มีความหนามากขึ้นกว่าโทรทัศน์ปกติค่ะ




3. RGB LED ทีวีแอลอีดีประเภทที่ 3 ค่ะจะใช้หลอดLEDสีแดง สีเขียว สีน้ำเงินเป็นแผงอยู่ข้างหลัง นับว่ากลุ่มนี้เป็นตัวท็อปของ LED TV ในขณะนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งแนวทางการทำงานของโทรทัศน์ชนิดนี้ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการให้กำเนิดแสงก็จะคล้ายกับ ทีวีจำพวก Full LED แต่ว่ามีสิ่งที่แตกต่างที่ดีมากยิ่งกว่าตรงที่แทนที่จะใช้หลอดแอลอีดีสีเดียว ซึ่งใน Full LED จะใช้สีขาวในการให้กำเนิดแสง แต่สำหรับในกลุ่มของ RGB LED นี้จะใช้หลอดLED ที่มีแม่สีถึง 3 สีนั้นคือสีแดง สีเขียว สีน้ำเงินสำหรับในการให้กำเนิดแสงสว่างแทนนั่นเองซึ่งหลอดไฟทั้ง 3 สีนี้เมื่อแยกการทำงานกันอย่างอิสระจะส่งผลทำให้การผลิตสีที่ดียิ่งขึ้น เนื่องจากว่าแสงต้นขั้วออกมาเป็นแม่สีตั้งแต่ทีแรกค่ะ ความถูกต้อง ความคมชัดของสีก็เลยมีมากเพิ่มขึ้นทำให้อรรถรสสำหรับการชมทีวีของเรามีเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ตลอดจนความสามารสำหรับในการไล่เฉดสีรวมทั้งมิติของภาพก็ดีขึ้นตามไปด้วยจ้ะ จากแนวทางดังกล่าวมาแล้วข้างต้นนี้แล้ว จึงนับว่าเป็น LED TV ที่ยอดเยี่ยมก็ว่าได้ และด้วยคุณลักษณะที่ดีเลิศเหล่านี้ก็ย่อมส่งผลให้ต้นทุนของทีวีชนิดนี้มีราคาที่สูงกว่าความสามารถสำหรับในการทำ Local dimming หรือการเปิดปิดไปเป็นกรุ๊ปๆได้อย่างอิสระ เพื่อให้ได้ที่สีดำที่ดำสนิทรวมทั้งคอนทราสที่มากขึ้นก็มีเช่นเดียวกันกับโทรทัศน์จำพวกที่ 2 ส่วนข้อตำหนิของกลุ่มนี้ก็จะอยู่ที่ราคาที่ค่อนข้างสูงมากยิ่งกว่าตัวอื่นๆนั่นเองล่ะจ้ะ