สวัสดี บุคคลทั่วไป

เลือกซื้อแอร์เช่นใด เพื่อที่จะประหยัดเงินในกระเป๋ามากที่สุด

  • 0 ตอบ
  • 227 อ่าน
ตอนสภาพอากาศมันร้อน มันก็เลยต้องหาอะไรมาดับอบอ้าวกันซะหน่อย ใครถนัดทาน ก็ค้นหาอะไรทานคลายร้อนกันไป แต่ว่าถ้าหากผู้ใดต้องการอากาศที่บ้านไม่ร้อนอย่างนรก ก็คงต้องอาศัย "แอร์" หรือ "เครื่องปรับอากาศ" แล้วละ แต่ถ้าใช้งานเครื่องปรับอากาศ บางท่านก็คงจะต้องกังวลใจด้านประเด็นของรายจ่ายค่าไฟฟ้าที่มันจะไล่ตามมาต่อจากนั้น แต่ว่าทุกคนจะมีเกณฑ์การซื้ออย่างใด เพื่อจะได้ทั้งสินค้าดี แต่ก็ยังประหยัดด้วย ไปดูกันเลย
อย่างแรกเราจะควรจะพิจารณาถึงลักษณะของแอร์น่าจะต้องให้เหมาะต่อสถานที่ในการทำงาน โดยปัจจุบันนั้นมีหลายหลากรูปแบบให้เลือก เพราะว่าแต่ละอย่างก็มีคุณสมบัติไม่เหมือนกันไป ถ้าหากหากเลือกซื้อผิดนั้น ก็สามารถส่งผลให้ก่อให้เกิดโทษแก่เครื่องปรับอากาศ และยังทำให้สิ้นเปลืองพลังงานไปอีก จริงๆ แล้ว แล้ว เครื่องปรับอากาศจะแบ่งออกเป็นหลากหลายกลุ่ม เช่น แอร์ติดกำแพง, แอร์ตั้งพื้น, เครื่องปรับอากาศติดฝ้าเพดาน รวมทั้ง เครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ โดยที่แต่ละชนิด ประกอบด้วยรูปลักษณ์อย่างไรบ้าง ไปดูกันก่อนดีกว่า
อย่างแรกก็คือแอร์ติดกำแพง โดยเครื่องปรับอากาศชนิดนี้ เป็นที่ใช้มากกันอยู่แล้ว หรือคงจะคุ้นชินกันอยู่เป็นประจำ นั่นแหละ เพราะว่าการทำงานที่หลายแบบ ประกอบด้วยลักษณะการดีไซน์ที่ร่วมสมัย รวมถึงก็มีสัดส่วนพอดี อีกทั้งยังทำให้ลดการใช้พลังงาน แล้วยังสามารถทำนุบำรุงไม่ยาก โดยแอร์ประเภทนี้ เหมาะกับห้องสัดส่วนย่อม และบ้าน หรือว่าคอนโดธรรมดา ช่วยให้ตรงใจกับความมุ่งหมายกับการทำงานได้อย่างหลากหลายรูปแบบ
ถัดมาคือแอร์วางพื้น ซึ่งเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้คือประเภทที่มีการกระจายความเย็นได้ดี สามารถทำความเย็นได้แบบรวดเร็ว แล้วยังทนต่อการทำงาน รวมไปถึงทนทานกับมลพิษอีกด้วย เพราะว่ารูปร่างของเครื่องปรับอากาศจะเป็นรูปแบบตั้งที่พื้น เหมาะกับห้องที่มีพื้นที่ใหญ่ โรงงาน หรือมีผู้คนเยอะ  ซึ่งแอร์ประเภทนี้จะทำงานใช้อึกทึก ก็เลยส่งผลให้สิ้นเปลืองพลังงานมากกว่าแอร์ชนิดอื่นๆ
อย่างต่อไปคือกลุ่มเครื่องปรับอากาศฝังฝ้าเพดาน โดยอย่างนี้จะคือแอร์ 4 ทิศทาง เครื่องแอร์ ท่อน้ำยา รวมถึงท่อน้ำทิ้ง สามารถติดภายในฝ้าเพดาน ส่งผลให้สามารถคงทรงความสวยงามของห้องได้อย่างเดิม ตัดทอนข้อจำกัดในการติดตั้ง ซึ่งเหมาะสำหรับห้องที่มุ่งเน้นในเรื่องความประณีต ช่วยให้ในบ้านประณีตเหมือนเดิม  แต่แอร์ชนิดนี้มักมีราคาค่อนข้างจะสูงมากกว่าแอร์แบบอื่นๆ
และประเภทสุดท้ายก็คือเครื่องปรับอากาศเคลื่อนที่ ซึ่งเครื่องปรับอากาศลักษณะนี้จะไม่ค่อยยุ่งยากเหมือนกับกับชนิดก่อน เพราะแค่เสียบปลั๊ก ก็ใช้งานได้เลย เพราะแอร์กลุ่มนี้ใช้ได้แบบเดียวกันกับเครื่องปรับอากาศบ้านแบบปกติ แต่ว่าไม่เหมือนใครก็ตรงที่สามารถเคลื่อนย้ายได้ รวมถึงก็ไม่ต้องติดเข้ากับตัวบ้านด้วย เหมาะสมกับผู้ที่อาศัยหอ อพาร์ตเมนต์ คอนโดมิเนียม รักษาก็ง่ายดาย เหมือนเครื่องปรับอากาศทั่วไปเลย
ย้อนกลับมาที่เกณฑ์การซื้อกันต่อ ต่อมาก็จำเป็นต้องตัดสินใจสัดส่วนเครื่องปรับอากาศให้เหมาะกับพื้นที่ห้อง เพื่อที่เมื่อทราบขนาดห้องแล้วนั้น ทำให้ง่ายกับการซื้อขนาดของแอร์และการคาดคะเนค่า BTU นั่นเอง เพื่อที่จะพอเหมาะกับการใช้งานและทำให้
ประหยัดไฟฟ้า เพราะหลายคนคงจะยังไม่ทราบว่า BTU หมายถึงอะไร โดยมันคือ ขนาดสร้างความเย็นของเครื่องปรับอากาศ โดยย่อมาจากคำว่า British Thermal Unit โดยที่ 1 ตันความเย็น จะเท่ากับ 12000 BTU ต่อชั่วโมง ดังนั้นการซื้อ BTU ย่อมมีความจำเป็น เพราะว่าจะเกี่ยวข้องกับ การประหยัดพลังและอายุการทำงานของแอร์นั่นเอง ถ้าหากเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่มี BTU มากเกินไป ก็ทำให้ใช้งานของคอมแอร์ตัดบ่อย เนื่องจากมีการทำความเย็นได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ประสิทธิภาพภายในลดลง รวมถึงยังมีผลกระทบให้เกิดความชื้นภายในห้องสูง ส่งผลให้ผู้อาศัยป่วย หรือไม่ก็ไม่สบายได้ อีกทั้งยังส่งผลให้เปลืองพลังงานอีกด้วย หรือไม่ก็หากซื้อแอร์ที่มี BTU ต่ำเกินไปก็จะส่งผลให้คอมแอร์ทำงานทุกเมื่อและมากจนเกินพอดี  ก็เพราะว่าอุณหภูมิความเย็นไม่ตรงตามที่ตั้งหรือกำหนดไว้  โดยจะทำให้เป็นเหตุให้เครื่องปรับอากาศชำรุดได้ง่าย แล้วยังเปลืองพลังงานอีกด้วย
                ถัดมาจะเป็นแนวทางง่ายๆ เกินที่ไม่ว่าใคร ก็ต้องทำให้เลือกเลือกซื้อแน่นอน คือ การเลือกซื้อเครื่องปรับอากาศที่ได้รับฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 เพราะว่านั่นคือ ประสิทธิภาพในการใช้งานพลังงานที่คุ้มที่สุด เลยจะช่วยประหยัดพลังงานและประหยัดค่าใช้จ่ายได้นั้นเอง

Tags : แอร์,เครื่องปรับอากาศ,แอร์ ราคา