สวัสดี บุคคลทั่วไป

กล้องถ่ายภาพถ่ายรูป VS กล้องถ่ายรูปโทรศัพท์เคลื่อนที่ หากหนักห่างกันไม่กี่ขีด...แล้วเธอจักเลือกสิ่งไ

  • 0 ตอบ
  • 209 อ่าน
ครั้นเมื่อสิ่งที่อยู่ข้างหน้า มันน่าจำขึ้นใจจนต้องเก็บบันทึกออกมาเป็นภาพถ่าย และมันจักวิเศษขึ้นไปอีก ครั้นในภาพมีคนพิเศษอยู่ด้วย ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งที่จะช่วยให้เราได้เก็บภาพความทรงจำดีๆเหล่านั้น นอกจากสมอง และหัวใจของเราแล้ว ก็ต้องเป็น "กล้องถ่ายรูป" นั่นเอง ซึ่งในสมัยนี้ ทุกคน ต่างก็มีโทรศัพท์มือถือที่มีกล้องถ่ายรูปพร้อมกันมาด้วย เพื่อง่ายต่อการใช้งาน มิจำเป็นสะพายกระเป๋ากล้องใบใหญ่ ยิ่งกว่านั้นยังมีความกระจ่างไม่ได้แตกต่างไปจากกล้องถ่ายภาพ DSLR หรือ Mirrorless ซะทีเดียว แต่ที่จริงนั้นมันยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่แตกต่างกันอยู่เพียบเลยเทียว
 
อาทิเช่นเรื่องเซนเซอร์ เนื่องจากกล้องถ่ายภาพจะมีเซนเซอร์ที่ใหญ่กว่าเซนเซอร์ของกล้องจากโทรศัพท์มือถือ ยิ่งขนาดเซนเซอร์ใหญ่เท่าไหร่ ก็จะรักษาแสงได้ดีกว่า ได้รายละเอียดปลีกย่อยภาพที่ยิ่งกว่า มีมิติดีกว่า รวมถึงทำให้ปรับความตื้นลึกของภาพได้อย่างมากมายมากกว่า สำหรับโทรศัพท์มือถือสามารถทำได้ไม่ดีเท่ากล้องเท่าไหร่นัก และสิ่งเหล่านี้ยังมีผลกระทบต่อคุณภาพของภาพที่ได้ด้วย ยิ่งกว่านั้นยังช่วยตัดทอน Noise หรือเม็ดสีที่แตกในภาพ โดยครั้นเมื่อย้อนกลับไปมาดูภาพจากกล้องถ่ายภาพมือถือก็จะเห็น Noise ยิ่งกว่าภาพจากกล้องถ่ายภาพทั่วไป นั่นก็ทำให้เห็นแล้วว่าเซนเซอร์จาก กล้องถ่ายภาพโทรศัพท์มือถือเล็กกว่ากล้องทั่วไป
 
ต่อจากนั้นก็จะเป็น Optical zoom ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งข้อที่ทำให้กล้องถ่ายรูปเหนือกว่ากล้องถ่ายรูปจากมือถือ หากเป็นการซูมของกล้องถ่ายภาพ เจ้าสามารถปรับได้ตามความต้องการได้เลย ซึ่งน้อยรายในหมู่ยี่ห้อโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่จะมีคุณลักษณะนี้ เพราะภาพบางภาพ ก็จำเป็นจะต้องใช้การซูมแบบ Optical เพื่อให้ได้ความเกี่ยวพันของวัตถุบนภาพที่ดียิ่ง รวมถึงหน่วยความจำก็ยังสำคัญ เนื่องจากในโทรศัพท์มือถือของเจ้าคงจะมีทั้งรูปภาพ เพลง หนัง หรือไฟล์วิดีโอ ซึ่งนั้นเป็นปัญหาแน่ๆ ถ้าท่านคิดว่าจะใช้กล้องโทรศัพท์มือถือถ่ายภาพคุณตลอดทริปที่กินซ่าหรือไม่พาคนรักเที่ยว Universal Studios ก็เพราะว่าท่านคงจะไม่อยากมานั่งลบรูปถ่าย ลบเพลงโปรด หรือลิสหนังดังของท่านหรอก แต่หากว่ายอมสะพายกล้องถ่ายรูปสักตัว พร้อมกับเมมรี่การ์ดสำรองสัก 2-3 อัน มั่นใจว่าเจ้าได้ทั้งภาพถ่ายที่มากมาย และไฟล์วิดีโอตลอดทั้งทริปของเจ้าแน่นอน
 
นั่นคือข้อมูลขั้นแรกว่าเพราะเหตุไรคุณถึงต้องยอมสะพายกล้องตัวหนัก แล้วต้องยอมพักกล้องถ่ายรูปสมาร์ทโฟนไว้ก่อน และอาจจะพักยาวๆ เลย หากได้รู้จักกับกล้องถ่ายภาพตัวนี้ นั่นก็คือ Olympus OM-D E-M10 III ซึ่งกล้อง Olympus ตัวนี้ เป็นรุ่นที่ 3 ในซีรี่ส์ OM-D ซึ่งก่อนหน้าจะมีรุ่นพี่เป็น E-M5 และ E-M1 นั่นเอง ซึ่งแน่นอนว่าตัวล่าสุด มันจะต้องดีกว่าตัวก่อนๆ แน่นอน เรามาดูสาระสำคัญ ๆ ของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ดีกว่าว่าคุ้มค่าต่อการพกพา ยิ่งกว่ากล้องสมาร์ทโฟนหรือเปล่า
 
กล้อง Olympus OM-D E-M10 III เป็นกล้องถ่ายรูปเปลี่ยนเลนส์ได้ระบบ Micro Four Thirds ใช้เซนเซอร์ 4/3 Live MOS Sensor ความละเอียด 16.1 ล้านพิกเซล และให้ภาพที่ขนาดใหญ่สุดที่ 4608 x 3456 และ Ratio ที่พอดีของภาพคือ 4:3 ซึ่งเซนเซอร์ที่ว่ามานี่อาจไม่ใหญ่มาก แต่ก็สามารถทำงานได้เป็นอย่างดี จุดแข็งของกล้อง Olympus ตัวนี้ ในความคิดส่วนตัวน่าจะเป็นเรื่องของการระบบกันสั่นของเขา ก็เพราะว่ากล้องถ่ายภาพ Olympus รุ่นนี้ เป็นระบบกันสั่น 5 แกน สามารถลดการสั่นไหวได้ถึง 4 Stop ซึ่งหากว่าถ่ายด้วยความไวชัตเตอร์ที่ 1/10 วินาที แล้วถือถ่ายก็ยังทำได้ดีเลย
 
และด้วยความที่ต้องมี 3 สิ่งต่อไปนี้ ที่ทำให้ระบบกันสั่น 5 แกนทำงานได้ดี นั่นก็คือ เลนส์ เซ็นเซอร์รับภาพ และโปรเซสเซอร์ประมวลภาพ ซึ่งกล้องถ่ายรูป Olympus ตัวนี้ใช้โปรเซสเซอร์ประมวลภาพ TruePic VIII จึงให้รูปที่มีคุณภาพสูงสวยงามแม้ที่แสงน้อย โดยที่เจ้ามิต้องตั้งค่า ISO สูงๆ ด้วยซ้ำ แถมป้องกันการเกิด Noise ด้วย และด้วยระบบกันสั่น 5 แกนนี้ อีกทั้งทำให้การบันทึกภาพยนตร์ของท่านไม่เป็นปัญหาเช่นกัน โดยกล้องถ่ายรูป Olympus OM-D E-M10 III สามารถบันทึกภาพยนต์คุณภาพสูงถึง 4K เลยทีเดียว ที่แม้ว่าจะถือด้วยมือ และไม่ได้มีเครื่องมือเพิ่มเติมใดๆ ก็ยังให้ภาพที่ได้ออกมาสะดวก ถ้าเกิดสั่นไหว ก็เกิดได้น้อยที่สุด ยิ่งไปกว่านี้ยังสามารถแบ่งแยกเฟรมเพื่อให้บันทึกภาพนิ่งจากวิดีโอ 4K ที่บันทึกไว้เช่นกัน

 จะเห็นว่านี่แค่จุดเด่นเรื่องเดียวของกล้อง Olympus OM-D E-M10 III ก็เอาชนะกล้องมือถือลอยลำแล้ว นอกจากนี้ยังมีคุณลักษณะหลายอย่าง อีกมากมายก่ายกองเลยที่ยังไม่ได้พูดถึง ดังเช่น โหมดถ่ายภาพ Auto ที่ให้เธอปรับตั้งค่าตามที่เธอต้องการ หรือโหมดถ่ายภาพสำเร็จรูป Scene อีกทั้งโหมดถ่ายภาพขั้นสูง Advanced Photo ที่มีให้เลือกหลากหลาย ได้แก่ Live Composite, Live Time และ ถ่ายภาพซ้อน เป็นต้น และโหมด Art Filter ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะแยะอยู่เหมือนกัน เพื่อให้ภาพมีความน่าดึงดูดใจมากยิ่งขึ้น และจุดดีอีกอย่างของกล้อง Olympus ตัวนี้ คือมีขนาดที่เล็ก และพกพาสบายมาก ซึ่งมีน้ำหนักเฉพาะแค่บอดี้เพียง 362 กรัม เพียงเท่านั้น ตัวนี้จึงสามารถลบคำสบประมาทที่ว่า "กล้องมันหนัก" ไปได้เลย
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : olympus ราคา

Tags : Olympus,กล้อง olympus,olympus ราคา