สวัสดี บุคคลทั่วไป

ประวัติศาสตร์แวดวง Rock 'n' Roll ต้อง "Jim Marshall"

  • 0 ตอบ
  • 235 อ่าน
*

ออฟไลน์ mmhaloha

  • *****
  • 4698
    • ดูรายละเอียด
ประวัติศาสตร์แวดวง Rock 'n' Roll ต้อง "Jim Marshall"
« เมื่อ: มีนาคม 03, 2019, 08:24:10 PM »
                ถ้าคุณเป็นคนที่ติดใจในเสียงดนตรี หรือว่าเสียงเพลง เชื่อว่าท่านจะต้องรู้จักมักจี่ยี่ห้อเครื่องเสียงยี่ห้อนี้เป็นอย่างดีแน่นอน เพราะเป็นยี่ห้อที่ได้รับความนิยมขนานใหญ่ ดังเช่น ลำโพง หูฟัง เครื่องขยายเสียง และต่างๆ อีกนานาประการ โดยเรื่องราวประวัติของแบรนด์นี้ นับเป็นส่วนหนึ่งส่วนใดของตำนานวงการดนตรีRock and Rollเลยก็ว่าได้ อีกทั้งแบรนด์ที่กำลังกล่าวถึงอยู่นี้ก็คือ Marshall นั่นเอง โดยประวัติของ Marshall นั้น จะมีเรื่องราวประการใดบ้าง พร้อมด้วยทำไมถึงได้มาเป็นยี่ห้อระดับโลกปานนี้ ผมจะมาหาคำตอบกัน
                Marshall นั้น ได้ก่อตั้งโดย Jim Marshall ซึ่งจุดตั้งต้นอยู่ที่การเป็นนักดนตรีผู้เชี่ยวชาญมาก่อน โดยเล่นในตำแหน่งมือกลอง ต่อมาก็ได้ผันตัวเองมาบริหารธุรกิจร้านรวงขายเครื่องดนตรี พร้อมด้วยอุปกรณ์หลายอย่าง โดยริเริ่มจากการทำการค้ากลองชุดพร้อมด้วยกีตาร์ในลอนดอนบริเวณ Hanwell โดยผู้ใช้จำนวนมากจะเป็นนักดนตรีดนตรีร็อกแอนด์โรล ที่มีความโด่งดังในระยะเวลานั้น อย่างเช่น ริตชี แบล็กมอร์ ไม่ก็เป็น พีต ทาวน์เซนด์ แห่งวง The Who นั่นอาจจะเป็นสาเหตุที่เป็นเหตุให้มีผู้บริโภคมากขึ้น
                แล้วก็เริ่มมีนักดนตรีดังๆ หลายท่านอยากได้แอมป์ หรือว่าเครื่องกระจายเสียงสำหรับกีตาร์ที่มีขนาดใหญ่ และดังกว่าแต่ก่อน เพราะตัวปัญหาที่พบส่วนมากมักจะเป็นเรื่องความดังของเครื่องกระจายเสียงที่ไม่พอดีในการเล่นแสดงสดนั่นเอง Marshall จึงได้ตัดสินใจลองทำออกมาจัดจำหน่าย และดันบรรลุผลอย่างมากมาย กลายเป็นการเล่าปากต่อปาก จนคณะดนตรีหลายๆ วง สนใจ Marshall จึงจัดหามาลงมือออกมาจำหน่ายอย่างตั้งใจ อีกทั้งได้ตั้งบริษัทที่ชื่อว่า มาร์แชลแอมพลิฟิเคชัน ขึ้นณปี ค.ศ. 1962 นั่นจึงเป็นจุดเริ่มต้นของยี่ห้อ Marshall อย่างถ่องแท้
                แอมป์กีตาร์รุ่นแรกที่เป็นเหตุให้นักดนตรีทั้งหลายพอใจ ยิ่งกว่านั้นยังเอื้อนเป็นความเห็นเดียวกันว่าเป็นแอมป์กีตาร์ที่เสียงยอดเยี่ยมเท่าที่เคยมีมา (ในยุคนั้นนะ) ก็คือรุ่น JTM 45 และถัดไปมาในปี ค.ศ. 1965 Marshall ก็ได้พัฒนาสร้างแอมป์ขนาด 100 วัตต์ พร้อมตู้ลำโพงขนาด 4x12 นิ้ว อีกหลากหลายรุ่นตามออกมา จนได้รับความวางใจจากมือกีตาร์สายบลูส์ แนวร็อก จากวงดังๆ ระดับตำนานอย่างเช่น The Who, John Mayall and the Bluesbreaker, Led Zeppelin, Deep Purple รวมทั้ง AC/DC เป็นต้น
                และนั้นคือความยิ่งใหญ่ในสมัย 60 ของ Marshall อย่างสังเขป อย่างไรก็ตามครั้นเมื่อสมัยได้ล่วงพ้นเข้าสู่ยุคดิจิตอล แบรนด์ Marshall ที่คร่ำหวอดในสังคมเครื่องเสียงก็ได้พัฒนาและเอาเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้าร่วมในการผลิตสินค้าเพื่อทันยุค ทันสมัย และตรงตามความอยาก หรือตอบโจทย์ผู้บริโภคมากขึ้น ภายใต้ชื่อ Marshall Headphone โดยเป็นสินค้าเหล่าหูฟัง เพื่อให้ลูกค้า หรือว่าคนธรรมดาให้ได้รับประสบการณ์การสดับตรับฟังเสียงเพลงในแบบของ Marshall รวมไปถึงผลิตภัณฑ์จำพวกลำโพงที่สามารถเชื่อมบลูทูธได้ ที่นั่นเป็นเหตุให้ Marshall ได้รับความนิยมอย่างมากมายก่ายกองด้วย ด้วยแนวเสียงที่ไม่ซ้ำใคร และการออกแบบที่ดูเป็นวินเทจ คลาสสิค ดูดี โดยรุ่นหูฟังและลำโพงบลูทูธ Marshall ที่น่าสนใจ พร้อมกับจะแนะนำนั่นก็คือ หูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth และลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore ซึ่งจะมีรายละเอียดปลีกย่อยดังนี้
 
หูฟังไร้สาย Marshall รุ่น Major II Bluetooth
                เป็นหูฟังไม่มีสายที่มีความคลาสสิกอยู่ในตัว ออกแบบสวยงาม เรียบร้อยมีสไตล์ ขนาดกะทัดรัดสามารถพับได้ ทำให้พกพาไปไหนต่อไหนได้สบาย มีการเชื่อมโดยเร็วด้วย Bluetooth 4.0 แต่ทว่าสามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือต่างๆ ผ่านช่องหูฟัง 3.5 มม. ได้ด้วยเช่นเดียวกัน  สามารถใช้งานได้นานถึง 30 ชั่วโมงด้วยแบต Li-ion Polymer (680mAh) และใช้เวลาชาร์จต่ำกว่า 4 ชั่วโมง ซึ่งผ่าน Micro USB ด้านของเสียงก็ทำออกมาได้ดีสมกับเป็น Marshall เพราะว่าเบสแน่นๆ เสียงร้องคมชัด มีเสียงแหลมที่ไม่ขัดหู และเวทีเสียงที่สามารถแยกย่อยรายละเอียดของชิ้นส่วนเครื่องดนตรีต่างๆ ได้อย่างดีมาก เหมาะสมกับการเป็นสุดยอดตำนานแบรนด์เครื่องเสียง สายพันธุ์ร็อกแท้จริง ซึ่งหูฟังไม่มีสาย Marshall รุ่นนี้ สนนราคาจะอยู่ที่ไม่เลย 5,990 บาท
 
ลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore
                เป็นลำโพงบลูทูธที่มีขนาดค่อนข้างจะใหญ่ที่ได้ออกขายเป็นเวลายาวนานแล้วเช่นกัน เสียแต่ว่าเรื่องของคุณภาพนั้นมิได้ต่ำไปกว่าแต่เดิมเลย เป็นลำโพง Bluetooth 4.0 ที่ให้สุรเสียงที่ชัดครบบริบูรณ์ ด้วยระบบชิป aptX ดีไซน์ด้วยไดร์ฟเวอร์ภายในทั้งหมด 3 ตัว ยิ่งกว่านั้นยังมี INPUT 4 ช่องทาง คือ Bluetooth, Optical, INPUT1 หรือแจ็คขนาด 3.5 มม. พร้อมกับ INPUT2 หรือว่า RCA นอกจากนี้ยังมีศักยภาพในการปรับเสียงทุ้มแหลมได้เช่นกัน ให้น้ำเสียงเสมอเหมือนคุณกำลังฟังเสียงเพลงจากการแสดงดนตรีสดเลยก็ว่าได้ โดยลำโพงบลูทูธ Marshall รุ่น Stanmore นี้จักมีความถูกที่ไม่เกิน 15,900 บาท หากว่าเปรียบเทียบเสียงที่ได้มา ถือว่าคุ้มมากๆ
                นั่นคือทั้งหมดที่ทางกระผมได้ยกมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าตั้งแต่สมัยเก่ายันล่าสุดนั้น หมู่เรายังคงเห็นแอมป์กีตาร์แบรนด์ Marshall เชื้อชาติอังกฤษนี้เกือบจะทุกเวทีเลย รวมทั้งหูฟัง และลำโพงที่จำนวนมากหลากหลายรุ่นที่ไม่ว่ายุคสมัยจักผ่านพ้นยาวนานเพียงใด แต่ทว่า Marshall ก็ยังคงความคลาสสิคตามสไตล์แบบ Marshall มิเคยเปลี่ยน
คำค้นหาที่เกี่ยวข้อง : หูฟัง marshall

Tags : MARSHALL,marshall ราคา,หูฟัง marshall