เครื่องปริ้นหรือที่เราเรียกกันว่า Printer ถือว่าเป็นเครื่องใช้ไม้สอยสำนักงานที่แต่ละออฟฟิศ หรือแต่ละบริษัทต้องมีเลยทีเดียวล่ะค่ะ หรือแม้กระทั่งบางบ้านที่ใช้งานเอกสารควรมีติดบ้านไว้เพราะว่านี่คืออุปกรณ์สำคัญที่จะทำการแปลแล้วก็ประมวลผลของคอมพิวเตอร์ออกมาในลักษณะของกระดาษ ทั้งแบบภาพและอักษร เครื่องพิมพ์แต่ละแบบก็จะมีลักษณะของการใช้งานที่ไม่เหมือนกันออกไป รายการที่พวกเราจะเลือกใช้เครื่องปริ้น เมื่อใช้งานกับพวกเราเราจะต้องรู้ดีว่าแต่ละแบบมีลักษณะเช่นไร และก็เหมาะสมกับการใช้งานจำพวกไหน ซึ่งโดยทั่วไป Printer ก็จะแบ่งได้ 6 ประเภทดังนี้


เครื่องปริ้น 6 ชนิด กับงานพิมพ์รูปแบบต่างๆ


1. เครื่องปริ้น Dot Matrix ชนิดนี้เป็นเครื่องที่นิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลายสูงที่สุดจ้ะ ด้วยเหตุว่าประสิทธิภาพของการพิมพ์อยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้วก็ราคาสมเหตุสมผล ด้วยเหตุดังกล่าวแล้วลักษณะการทำงานของเครื่องจำพวกนี้ อาศัยหลักการสร้างจุดลงบนกระดาษโดยตรงหัวพิมพ์ของเครื่อง ซึ่งมีลักษณะเป็นหัวเข็มเมื่อต้องการที่จะพิมพ์สิ่งใดลงไปบนกระดาษ หัวเข็มที่อยู่ในตำแหน่งนั้นๆก็จะกระแทกผ่านน้ำหมึกลงไปบนกระดาษความคมชัดของข้อมูล ก็เลยขึ้นกับปริมาณจุด ด้วยเหตุนั้นถ้าเกิดยิ่งปริมาณจุดของเครื่องมีมากก็จะทำให้ความคมชัดมีมากขึ้น ความเร็วของเครื่องประเภทนี้อยู่ที่ระหว่าง 200 ถึง 300 ตัวอักษรต่อวินาที หรือประมาณ 1 - 3 หน้าต่อนาทีนั่นเองค่ะ
2.เครื่องปริ้นแบบพ่นน้ำหมึก หรือที่พวกเราเรียกกันว่าเครื่อง Inkjet เครื่องชนิดนี้สามารถพิมพ์ตัวอักษรที่มีรูปแบบและขนาดที่แตกต่างออกไปค่ะ ด้วยเหตุดังกล่าวในส่วนของงานพิมพ์จึงเน้นที่งานกราฟิกจะให้ผลลัพธ์ที่มีความคมชัดมากๆ คุณภาพของงานพิมพ์เป็นที่ยอมรับและก็การใช้งานได้ค่อนข้างจะหลากหลาย ด้วยการใช้เทคโนโลยีของเครื่องพิมพ์พ่นหมึกนี้ใช้เพื่อการพิมพ์ก็คือจะเป็นการพ่นหมึกแบบเป็นหยดหยดลงบนกระดาษ ความเร็วของเครื่องพิมพ์แบบนี้ก็จะมีหน่วยวัดสำหรับเพื่อการพิมพ์เป็นแบบ PPM หรือ Page per minute จึงนับว่าเป็นการพิมพ์รายงานที่เร็วกว่าเครื่องพิมพ์ชนิดแรกมากมายอย่างยิ่งจริงๆล่ะค่ะ นอกจากนั้นแล้วยังสามารถพิมพ์ได้ทั้งและก็แนวนอน ซึ่งก็คือการสั่งงานปริ้นแบบเทรดหรือ landscape นั่นเอง ซึ่งโดยส่วนมากแล้วสามารถใช้กับขนาดกระดาษที่มีความใหญ่ไม่เกิน A3
3.เครื่องปริ้นเลเซอร์ หรือที่พวกเราเรียกกันว่า Laser Printer สำหรับเครื่องปริ้นจำพวกนี้ก็จะมีลักษณะของการใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับเครื่องถ่ายเอกสารมันก็คือการยิงเลเซอร์ไปสร้างภาพบนกระดาษทำให้การผลิตภาพด้วยอักษรซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาก็จะมีคุณภาพสูงเกินไปกว่าเครื่องพิมพ์แบบพ่นน้ำหมึกค่ะ ดังนั้นแล้วเครื่องพิมพ์ประเภทนี้จึงเหมาะสมกับการใช้งานที่อยากได้คุณภาพของงานที่สูงมากๆสามารถพิมพ์งานได้หลายร้อยหน้าต่อนาทีเลยทีเดียว โดยเหตุนั้นแล้วจึงเหมาะกับองค์กรขนาดใหญ่หรืองานที่อยากได้ความคมชัดและสวยงาม หน่วยวัดของเครื่องนี้ก็จะเป็นแบบ PPM เหมือนกัน ซึ่งในตอนนี้ก็มีทั้งเครื่องพิมพ์เลเซอร์แบบสีแล้วก็แบบขาวดำค่ะ
4.เครื่องปริ้นพล๊อตเตอร์ ชนิดนี้จะเป็นเครื่องที่ใช้ปากกาในการเขียนข้อมูลต่างๆลงบนกระดาษที่ทำมาเฉพาะงานจ้ะ โดยปกติก็จะทำงานโดยใช้กรรมวิธีการเลื่อนกระดาษ สามารถใช้ปากกาได้ 6 - 8 สี ความเร็วสำหรับในการทำงานก็จะวัดเป็น Milk ต่อวินาที ซึ่งหมายถึงจำนวนนิ้วที่พลาสเตอร์สามารถเลื่อนประกาศไปบนกระดาษการใช้งานจำพวกนี้ก็เลยเหมาะสมกับการใช้งานเขียนแบบทางวิศวกรรมหรือการตกแต่งด้านในใช้สำหรับวิศวกรรม และงานสถาปนิก รวมทั้งงานพิมพ์ที่มีขนาดใหญ่มีหน้ากว้างมากๆสำหรับในการทำป้ายที่ใช้โฆษณานั่นเอง ด้วยเหตุนั้นแล้วเครื่องประเภทนี้จึงเกิดเรื่องที่มีราคาแพงที่สุดในบรรดาเครื่องพิมพ์ชนิดต่างๆจ้ะ
5.เครื่องปริ้นจำพวกมัลติฟังชั่น เป็นเครื่อง All In One หมายถึง เป็นการผสมผสานฟังก์ชั่นรูปแบบการทำงานของเครื่องไม้เครื่องมือหลายๆ ส่วนในชุดเดียวกัน ซึ่งก็คือมีเครื่องปริ้นเตอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องแฟกซ์ และก็สามารถ Scanner ได้นั่นเองจ้ะ ด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้วจึงเป็นเครื่องมือสำนักงานที่ครบถ้วนในเครื่องเดียว มีความสะดวกสบายสำหรับเพื่อการทำงานค่อนข้างจะมาก ซึ่งแต่ละรุ่นก็มีส่วนประกอบสำหรับในการใช้งานแตกต่างกันออกไปเหมาะกับกลุ่มธุรกิจสำนักงานและก็สถานประกอบการจ้ะ
6.เครื่องปริ้นแบบใช้ความร้อน หรือที่เรียกกันว่า Termal printer เครื่องพิมพ์ชนิดนี้สามารถทำงานได้โดยการให้ความร้อนแก่กระดาษโดยไม่จำเป็นที่จะต้องใช้หมึกค่ะ ซึ่งเป็นเครื่องพิมพ์ที่ใช้ลักษณะเดียวกับที่ใช้การพิมพ์ใบรับเงินจากเครื่อง ATM หรือพนักงานบัญชีตามร้านสะดวกซื้อในห้างต่างๆเช่นเดียวกันจ้ะ รวมได้ถึงเครื่องคิดเลขแบบจัดโต๊ะบางชนิด แล้วก็แฟกซ์ในสมัยก่อนก็ใช้ระบบเดียวกัน แต่ว่าเราก็จำเป็นที่จะต้องเลือกกระดาษเคมี สำหรับการใช้ปริ้น จุดเด่นของเครื่องชนิดนี้ก็คือประหยัดน้ำหมึกพิมพ์ได้รวดเร็วแต่ก็จะมีข้อเสียก็คือความชัดในกระดาษก็จะเลือนลางได้ง่าย ด้วยเหตุดังกล่าวก็เลยไม่เหมาะกับการเก็บไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากว่าใช้เก็บได้ประเดี๋ยวเดียวก็จะสีซีดแล้ว